งานรำลึกถึงคุณพ่อห่วง ศรีสุขวัฒน์

580306-ตอบปัญหาฆ่ากิเลสให้บริสุทธิ์ ตอน ๒ งานพุทธาภิเษก ศาลีอโศก (ลิงค์ไฟล์เวิร์ด), ลิงค์เสียงเทศน์
พ่อครูว่า…,มีคนถามว่าห้าคำนี้ครบหรือยัง? นิพพาน จักษุ ญาณ ปัญญา แสงสว่าง อยู่ในหมวดหมู่อะไร? เชื่อมต่อกันอย่างไรได้บ้าง
ตอบ…ในพระไตรฯ จะเรียงและใช้คำว่า จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ถ้าจะใช้คำว่า นิพพานแทนวิชชา เข้าใจโดยธรรมะก็ได้ แต่เรียงยังไม่ตรง ท่านเรียงว่า จักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง คำว่าแสงสว่างไม่ใช่นิพพานมืดในภพ แต่เป็นนิพพานลืมตาแจ้ง รู้ด้วยญาณปัญญา วิชชา เชื่อมต่อกันโดย จักษุ พาให้เกิด ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ต้องมีคู่สัมผัส รูป กับนาม เป็นกาย แล้วมีนิโรธหรือนิพพาน เป็นอนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ ตามคำสอน ไม่ใช่ว่าสอนอะไรก็โมเมเป็นของพระพุทธเจ้าหมด
คือมันออกนอกรีตนอกทาง จนเอาไปหลอกคน เป็นนิพพานเป็นสวรรค์ที่คนละเรื่องกับพระพุทธเจ้าหมาย ยกตัวอย่างธรรมกายธรรมโกย โฉมหน้าสาวก จาก สุดสัปดาห์ เอเอสทีวี ผู้จัดการเขา มีคอลัมน์นี้ โฉมหน้าสาวก ธรรมกาย ธรรมโกย
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อื้อฉาวข้ามทศวรรษ โจษจันกันทั้ง 3 โลกเลยนะจ๊ะวัดจานบินของพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) และ ณ เวลานี้ แม้จะมีกระแสชำระสะสาง “ท่านธมฺมชโย” เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง แต่พลังเงินต่อบุญที่สร้างความยิ่งใหญ่ ความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่วัดที่ไหลมาเทมาไม่หยุด ก็ไม่แน่ว่าปฏิบัติการยกนี้อาจจบลง แบบ ชกลมเช่นเคย
ที่น่าสังเกตก็คือ แม้จะมีข่าวด้านลบต่อธรรมกาย แต่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์มิได้ลดน้อยถอยลง ยิ่งนานวันศิษย์เอกระดับอัครสาวกของธรรมกายก็ยิ่งเพิ่มพูนไพศาล มีเศรษฐี ดารา คนเด่นดัง แห่เข้าร่วมขบวนบุญกับ “ท่านธมฺมชโย” อย่างไม่น่าเชื่อ และหากไล่เรียงกันหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี
สำหรับอัครสาวกคนสำคัญของวัดพระธรรมกายระดับแถวหน้าที่มีจิตศรัทธาและเป็นข่าวอื้อฉาวที่ฮือฮารายล่าสุด ก็คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งข้อหานายศุภชัย ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ ทำให้ได้รับความเสียหายกว่า 12,402 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง. ระบุชัดว่า จากการสอบเส้นทางการเงิน พบว่า นายศุภชัย ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่วัดพระธรรมกายจำนวน 15 ฉบับ รวมเป็นเงิน 714 ล้านบาท และทางวัดพระธรรมกายจำนนต่อหลักฐานที่ ป.ป.ง. ตรวจสอบจนยินยอมที่จะคืนเงินบริจาคดังกล่าวคืน
เมื่อจำนนต่อหลักฐานดังนี้แล้ว คำถามคือ วัดพระธรรมกาย และพระเทพญาณมหามุนี ผู้เป็นเจ้าอาวาสรู้เห็นเป็นใจกับการทำความผิดกับการยักยอกเงินของนายศุภชัย หรือไม่ ถ้า ป.ป.ง.ตรวจสอบพบว่า วัดพระธรรมกายรับรู้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเช่นเดียวกับนายศุภชัย ผู้เป็นศิษย์เอกเช่นกัน
ศิษย์เอกที่เป็นนักธุรกิจใหญ่อีกคนก็คือ นายบุญชัย เบญจรงคกุล อดีตผู้บริหารค่ายมือถือดีแทค เศรษฐีเมืองไทย อันดับที่ 13 ที่มีทรัพย์สินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ศิษย์เอกผู้นี้ได้ชื่อว่าศรัทธาธรรมกายล้นเหลือ โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยสนับสนุนทั้งเงินและเทคโนโลยีในการเผยแพร่ข่าวสารและคำสอนของธรรมกาย การทุ่มเททำบุญทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อสะสมบุญไปสวรรค์
“…. เรารู้แล้วว่า บุญที่เราสร้างด้วยความตั้งใจ กับความดีที่เราทำ เราเชื่ออย่างยิ่งว่าเราไปสวรรค์ เราอยากไปสวรรค์ชั้นที่สี่ คือชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นดุสิต ต่างจากสวรรค์ชั้นอื่นๆ ทั้งหมดหกชั้นก็ตรงที่จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างกุศลเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอให้จุติเมื่อหมดบุญ อันนั้นคือสิ่งที่เราเชื่อ และบุญที่เราทำ ก็เชื่อว่ามันจะทำให้เราไปถึงชั้นดาวดึงส์ได้ คือชั้นที่สองที่พระอินทร์อยู่ แล้วก็มีการปฏิบัติธรรมที่ชั้นนั้นด้วย
“ดังนั้น ตายพรุ่งนี้เลยก็ดี เราจะได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์มันไม่มีเหงื่อ ไม่ต้องปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องมายกกล้ามเข้าฟิตเนส ไม่มีป่วย ไม่มีแก่ หน้าเด้งตลอด แล้วก็อยู่อย่างนั้นประมาณ 36 ล้านปี ทุกคนหล่อหมด สวยหมด แต่หน้าตาเหมือนกันหมดเลยนะ …. นั่นคือกฎของสวรรค์ คนทำดีมันก็หน้าตาดีเหมือนกันหมด ต่างกันแค่รัศมีหรือออร่า” นั่นคือแรงศรัทราต่อธรรมกายเพื่อไปสวรรค์ของเจ้าสัวบุญชัย
จบการอ่านบทความแค่นี้ แต่ยังมีต่อในwww.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024079
เรามาไล่อธิบายตั้งแต่ อบายภูมิ
อบายภูมิ มี ๔
๑.นิรยะหรือนรก
๒.ติรัจฉานโยนิ
๓.ปิติวิสัย
๔.อสุรกาย คำว่า สุระ แปลว่า ครบ กล้าแข็ง เต็ม ถ้าอสุระ ก็คือ ไม่มีความกล้าหาญทางจิตวิญญาณ ถ้าอธิบายรูปธรรมก็คือ ไม่ครบสุรภาโว ไม่ครบชมพูทวีป ไม่มีอาการ ๓๒ ครบ ในรูปธรรม ถ้าในนามธรรมก็คือความอ่อนแอ ไม่กล้าทำดี ไม่กล้าประพฤติธรรม ไม่กล้าเข้าใกล้ ผีไม่กล้าเข้าเขตสายสิญจน์
๓.มนุสโส อันนี้เป็นภูมิกลาง ที่มีสุรภาโว สติมันโต อิทพรหมจริยวาโส เป็นมนุษย์ชมพูทวีป ไม่ได้หมายถึงอุตรกุรุทวีป หรือดาวดึงส์ ในภูมิดาวดึงส์นี้ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์ หมายเอาผู้มีคุณธรรมก็คือสบายตามกุศล มนุษย์อุตรกุรุทวีป ก็คือจิตไม่หมายเอาอาการ ๓๒ หมายเอาแค่จิต และดาวดึงส์ก็หมายเอาที่จิต แต่ชมพูทวีปนี้หมายเอามนุษย์
๖.จตุมหาราชิก
๗.ดาวดึงส์
๘.ยามา
๙.ดุสิต
๑๐.นิมมานรดี
๑๑.ปรนิมมิตวสวัตดี
สิบเอ็ดภูมินี้ท่านเรียกว่า กามาวจรภูมิ จากนั้นเป็น พรหม คือความใหญ่ ถ้าเป็นปรมัตถ์แล้วจิตวิญญาณพรหมไม่มีสรีระ แต่ถ้าไปทางเทวนิยมก็ไปพูดว่าพรหมเป็นรูปร่างสรีระ
1. รูปพรหม
1.1 ชั้นที่ 1 พรหมปาริสัชชาภูมิ
1.2 ชั้นที่ 2 พรหมปุโรหิตาภูมิ
1.3 ชั้นที่ 3 มหาพรหมาภูมิ
1.4 ชั้นที่ 4 ปริตรตาภาภูมิ คือมีแสงน้อย
1.5 ชั้นที่ 5 อัปปมาณาภาภูมิ คำว่า อัปปมาณาภา คือหาที่สุดมิได้ ไม่มีขีดขั้น
1.6 ชั้นที่ 6 อาภัสราภูมิ เขาแปลว่าแสง
1.7 ชั้นที่ 7 ปริตตสุภาภูมิ
1.8 ชั้นที่ 8 อัปปมาณสุภาภูมิ คำว่า สุภะ คือดีงาม น่าพึงใจ เป็นความงาม สิ่งดี
1.9 ชั้นที่ 9 สุภกิณหาภูมิ อันนี้เป็นหัวหน้าใหญ่เลย แปลว่า พวกมีรัศมีเป็นลำงามกระจ่างจ้า นี่เขาแปลเป็นรูปธรรมเลย คนอ่านก็คิดว่าเป็นตัวตน บุคคล เราเขา เพราะยิ่งไม่มีภูมิปัญญาก็ยิ่งเข้าใจไม่ถูกเลย
1.10 ชั้นที่ 10 เวหัปผลาภูมิ
1.11 ชั้นที่ 11 อสัญญีสัตตาภูมิ ของพระพุทธเจ้าท่านไม่มี อสัญญีสัตว์ ถ้าสัมมาทิฏฐิแล้วจะไม่มีอันนี้ แม้ไปหลงผิดสิ่งที่มีอายตนะ แต่ไม่สามารถเรียนรู้อายตนะ มีอายตนะ อย่างอสัญญา คือรู้หมดแล้ว เหมือนอปุญญะคือจบการเรียนรู้แล้ว ส่วนอสัญญะ คือไม่ต้องไปทำการกำหนดหมายอีกแล้ว เพราะไม่ต้องมนสิการอีก จบกิจแล้ว แต่ในความหมายนี้ท่านไม่เข้าใจเลยแปลไปมุมกลับ ว่าไม่มีการเอาใจใส่ ไม่มนสิการ อมนสิการไปอีก
1.12 สุทธาวาส คืออนาคามีโดยตรงเลย ถ้าใครมีคุณธรรมขั้นนี้แล้ว แต่ก็ไปยึดติดอยู่ เช่นอนาคามีตายแล้วก็ไม่กลับมาเกิด อยู่กับจิตวิญญาณ แล้วปรินิพพานในภพโน้นเลย ตั้งจิตอย่างนั้นได้เลย ไม่เกิดอีกได้ แต่มันจะนานมาก เพราะถ้าสุทธาวาสเต็มๆ อนาคามีเต็มๆก็จะทำได้ พระพุทธเจ้าเป็นสายปัญญาธิกะ รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ท่านไม่ไปแช่ใน สุทธาวาส นี้ ใช้อาศัยได้ แต่ไม่แช่ ไม่ติด
1.12.1 ชั้นที่ 12 อวิหาสุทธาวาสภูมิ
1.12.2 ชั้นที่ 13 อตัปปาสุทธาวาสภูมิ แปลว่าผู้ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ใคร
1.12.3 ชั้นที่ 14 สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ คือเหล่าผู้งดงามน่าทัสนา
1.12.4 ชั้นที่ 15 สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ คือเหล่าท่านผู้มีทัสนาแจ่มชัด (ทัสนาคือความรู้ มีจิตเป็นฐานความคิดที่ดี ชัดเจน)
1.12.5 ชั้นที่ 16 อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ เหล่าท่านผู้ไม่มีความด้อยหรือเล็กน้อยกว่าใคร อาตมาเคยแปลว่าผู้ไม่เป็นน้องใคร คือเป็นพี่ตลอดกาล เป็นผู้สูงสุด
อาตมาหยิบอันนี้มาอย่างเจ้าสัวบุญชัย เทเงินทองมาให้เขา ปั้นสร้างใหญ่โต เขาไม่คิดแค่เป็นใหญ่ในไทย แต่จะเป็นใหญ่ในโลก เจดีย์เขาจึงต้องเป็นจานบิน จะเป็นเจ้าโลก นี่คือศาสนาพุทธจะด้วนเพราะความคิดและทำเช่นนี่ นิพพานเขาถึงเป็นอัตตา ถ้าให้แบบนี้มาครอบงำไทยได้ ละก็ จะเป็นศาสนาพุทธจานบิน ที่จะมีวิมานสวรรค์ เป็นอัตตา นี่แหละ ทำบุญแล้วได้มากใหญ่ ได้วิมานมโหฬารพันลึก สร้างภพไป แล้วเป็นสภาพเช่นนั้นโดยอุปาทานจริง เขาเห็นจริงได้เขาจึงเชื่อ เพราะเขานั่งสมาธิแล้วปั้นสร้างได้เห็นจริงเลย สำเร็จด้วยจิต โดยไม่เรียนรู้อัตตา ไม่รู้มโนมยอัตตา คือมายา คือของหลอก ถ้าเป็นโลกุตระ ก็สำเร็จโดยจิตที่รู้ได้ด้วย แม้ที่สุดอรหันต์ท่านจะอนุโลมปฏิโลมก็ได้ เช่นเมื่อพระโมคคัลลานะ ว่า ข้าพเจ้าเห็นเปรต มีงูเลื้อยมาเป็นนาคใหญ่มีไฟด้วย พระพุทธเจ้าท่านก็รู้ว่า เป็นวาสนาของพระโมคคัลลานะ ติดมา
2.อรูปพรหม
2.1 ชั้นที่ 17 อากาสานัญจายตนภูมิ
2.2 ชั้นที่ 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ
2.3 ชั้นที่ 19 อากิญจัญญายตนภูมิ
2.4 ชั้นที่ 20 เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
อย่างมหาบัวนี่ บอกว่า เวลาเข้าฌานได้ จะหลุดปึ๊งไปเลย ในชั้นแรก ตัวเราเองก็ไม่รู้ มันมีแต่การเสพรสความว่าง อนันโต อากาโสติ มีแต่สภาวะความรู้สึกว่าง นี่คือภูมิที่เข้าไปนั่งเข้าภวังค์ ได้อรูปฌาน ๑ มีอายตนะสัมผัสรู้สภาวะว่าง ที่รู้สึกของตนว่าว่างนี่แหละ วิญญาณไม่มียี่ห้อ ไม่รู้ว่าเป็นใคร พอผ่านจากตรงนั้นก็จะรู้ว่าเราคือใคร นั่นคือวิญญานัญจายตนะ เป็นภพ ถ้าเข้าไปแล้วไม่มีใครอยากออกหรอก อยากอยู่นิรันดร ไม่ใช่แค่ ๓๖ ล้านปีอย่างที่เจ้าสัวบอกนะ แต่จะหลุดจากรูปภพ เข้าสู่อรูปภพยากมาก พอทำได้แล้วครั้งเดียว จะทำครั้งที่สองไม่ง่าย เพราะมันไม่ปึ๊ง และมันรู้แล้ว แต่ก่อนไม่มีสะพานกระโดดข้ามได้ แต่ตอนนี้มีสะพานแล้ว ก็ไม่น่าทึ่งเท่าไหร่ ถ้าใครจะพากเพียรทำก็ได้ อาตมาเจอกับตนเอง และเจอกับฝรั่งที่เขานั่งสมาธิแล้วได้นิพพาน เขาว่านิพพานของเขาหายไป เขาบรรยายไม่เป็นอย่างที่อาตมาบรรยายมา
แต่เขาเรียนมาว่า นิพพานมันต้องดับไม่เอามีสว่างอยู่ ก็ดับต่ออีก ท่านจะไม่เข้าใจ แปลไม่ออกหรอกว่า ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย
เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) คือธรรมะสองอย่างจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ในส่วนสอง พอเรียนมาตามบัญญัติที่ครูเขาสอนว่านิโรธต้องดับ แต่มันมาสว่างก็ไม่ใช่ ก็ต้องดับอีก อากิญจัญญะ แปลว่านิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็ไม่มี เขาก็จะดับมันไปอีก จนเป็นอรูปฌานที่ ๓ เป็นอากิญจัญญายตนะ อย่างอาฬารดาบสทำได้ แต่อาฬารดาบส ไม่มีความละเอียดพอที่จะรู้ความมีที่เล็กน้อยมาก ไม่รู้สภาพนิดนึงน้อยหนึ่ง นั้น เอาแต่ดับๆๆๆ กดเครื่องดับตาพึดเลย แต่อุทกดาบส ทำได้มากกว่านั้น รู้ว่ามันยังแวบอยู่นะ แต่ใน ความรู้ของเขาว่า ถึงมีก็ต้องดับ เขาก็ทำการดับอีก ก็เลยมีคำถามว่า จะว่ามีก็ไม่มี จะว่าไม่มีก็มี เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะมิจฉาทิฏฐิ เขาก็ถือว่าที่เขาได้เป็นสุภันเตว อธิมุตโต โหติ นี่คือสุดยอดงามสุดดีสุดเป็นโชคที่สุดแล้ว นี่คืออธิมุติของฌานโลกีย์
โลกีย์จบแค่นี้ ไม่มีสัญญาเวยิตนิโรธ ในภพภูมิของมิจฉาทิฏฐิจะได้สูงสุดก็เนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์หรืออสัญญีสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านให้เรียนรู้อย่างมีวิญญาณฐีติ มีองค์ประชุมครบพร้อมนอกและในเป็นกายเป็นความจริง ต้องปฏิบัติกับผัสสะปัจจุบันจึงเป็น วิญญาณฐีติ ๗ และของพุทธยังเรียนรู้ถึงอายตนะ พวกเทวนิยมนั่งปฏิบัติในภพ ก็มีอายตนะ แต่เขาไม่รู้หรือว่า ไม่มีอายตนะ เพราะเขาดับเครื่องรู้ทั้งหลายหมด แต่ของพระพุทธเจ้าลืมตามีผัสสะก็รู้ มีสัญญาก็รู้ แล้วเลือก ดับเฉพาะสัญญูปาทานักขันโธ ดับอุปาทานในสัญญาเท่านั้น แล้วจะไปยึดสัญญาเป็นตัวเราของเราได้อย่างไร นิพพานแล้วจะยึดนิพพานได้อย่างไร เมื่อผู้ใดสามารถรู้อัตตาแล้วอาศัยอัตตาอย่างไม่ลึกลับ เรียกว่าอรหัตตา (อรหะแปลว่าไม่ลึกลับ)
ต่อไปเป็นตอบคำถาม
-กินอาหารอยางพรหมกินอย่างไร
ตอบ..พรหมคือผู้บริสุทธิ์ ต้องใช้ความรู้ละเอียดมาก (นิปปุนา) พระพรหมที่เขาไปบูชากันก็มีหลายแห่งนะ แม้ในทำเนียบฯก็มีพระพรหม แล้วก็เอาอาหารมาสังเวยพระพรหม ก็นึกเอาเองว่าอาหารของพระพรหมคืออะไร บางคนใส่วอดก้าเลย แต่อาหารที่พระพุทธเจ้าสอนมี ๔ อย่าง
๑.อาหารคือคำข้าวต้องเรียนรู้ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
๒.ผัสสาหาร คือเวทนา ๓ คือ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ฐานอรูปฌาน ๔ ไปเรียกว่าอรูปพรหม รูปพรหมอยู่ที่ฌาน ๑-๔ ศาลานี้ว่างจากสัตว์แต่ก็มีคน พอไปถึงอรูปฌานก็จะเบาบางละเอียดยิ่งกว่ารูปพรหม มันจะมีลักษณะความต่าง เหมือนหลุดออกนอกโลก เป็นการสร้างภพ สร้างฌานหลับตาก็คือสร้างภพ เขาไม่เรียนรู้การเกิดในปฏิจจสมุปบาท
๑.กามภพ มีทั้งนอกและใน
๒.ภวภพ มีแต่ภายใน มีทั้งรูปภพ อรูปภพ
๓.วิภพ เป็นวิภวตัณหา สร้างตัณหาล้างกามล้างภพ ถ้าล้างภพหมดก็เป็นผู้หมดกิเลส
-ถ้าเราเรียนหนังสือไม่เด่นไม่เก่งเหมือนเพื่อน ไม่ได้เกรด ๔ หลวงปู่คิดอย่างไร?
ตอบ…ก็ไม่ขยันไม่เอาใจใส่ ก็เราทำไม่ได้เหมือนเพื่อนก็เอาเพื่อนเป็นตัวอย่างให้ติวให้เราสอนเราบ้าง ขวนขวายขยันเรียนมากขึ้น
-จริตของคนเราต่างกันแต่จริตของคนนั้นแก้ยาก เช่นชอบว่าเพื่อนชอบพูดให้เพื่อนในทางไม่ดี หลวงปู่คิดอย่างไร?
ตอบ…คนที่พูดเช่นนั้นก็ไม่ดี ก็คิดว่าไม่ดี ถ้าเขาชอบว่า นี่ดีนะ เขามีน้ำใจ พระพุทธเจ้าว่านิคคัณเห นิคหารหัง สิ่งที่ควรตำหนิก็ควรทำ เอาภาระเพื่อน ก็ว่าให้พอประมาณ หรือก่อนว่าก็ขออภัยก่อน ว่าด้วยเมตตาให้อภัย
-หนูเคยไปธรรมกายเขาสอนสวรรค์ดาวดึงส์มีจริงไหม
ตอบ…ก็ต้องดูที่เหตุปัจจัยในปัจจุบันมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วมีสภาพของอาการที่ ๓๓ เป็นอาการของจิตวิญญาณที่เกิดผีหรือเทวดาเก๊ แล้วลบเหตุที่ไปหลงผิดเทวดาเก๊หรือผี เกิดเป็นเทวดาใหม่เป็นดาวดึงส์โลกุตระ คืออาการ ๓๓ ของโลกใหม่โลกุตระ คนที่เข้าไม่ถึงภพภูมินี้ก็เข้าไม่ถึงดาวดึงส์โลกุตระ เป็นสวรรค์สุขสงบ ไม่ใช่เป็นเคหสิตโสมนัสเวทนา แบบที่หลงสร้างปั้นเป็นมโนมยอัตตา แล้วถ้าอยู่ในภพภูมินี้ ยิ่งร่ำรวยเป็นเศรษฐีใหญ่อย่างเจ้าสัวบุญชัยนี่ ก็ได้โอฬาริกอัตตาเป็นเทวดาใหญ่ คนเขาหลงเงินทอง เป็นเทวดาหลงกาม อัตตา โลกธรรม แต่ของพุทธนี้มีแต่จะลดลง
-พ่อท่านเห็นอย่างไรในการแต่งกายของคุณไม้ร่ม จะแสดงกายสักขีของชาวอโศก ทางใต้เขาว่าเป็นการแต่งตัวของฤาษีหญิงชาย
ตอบ…ตาอาตมาก็ตาดีเห็นเหมือนคุณเห็น เขาก็ตัดเสื้อผ้า ทำผมเผ้าของเขาไป ตามเขาคิด เขาก็สบายใจ เขาก็จะทำตัวเขาก็ปล่อยไป ข้อสำคัญเขาอยู่กับสังคมแล้วทำอะไรอยู่ มีประโยชน์ไหม เอาอันนั้นดีกว่า อาตมาก็อาศัยเขาอยู่นะนี่ ไปช่วยทำคลอง เขามีฝีมือในการทำธรรมชาติ เขามีอัตตาของเขา แต่เขายอมอาตมาได้ เขามีปัญญารู้ว่าอยู่กับอาตมานี่ดี อาตมาไม่ด่าเขา อยู่กับคนอื่นด่าเขาหมด เอากันที่สาระ ไม่ยึดถือแต่ภายนอก เรื่องฮิปปี้นี่อาตมาเริ่มทำตั้งแต่เขายังไม่เรียกฮิปปี้เลยนะ มีรูปถ่ายยืนยัน หัวฟูเลยนะ ทำมาก่อนใคร แล้วก็เลิกทำ มันเด่นแล้วก็กวนคนด้วย
-พ่อท่านรู้สึกยินดีหรือไม่ที่ทั้งคนเก่าและคนใหม่มางาน และถ้าเขาไม่มาพ่อท่านจะคิดอย่างไรว่า ก.เขาขี้เกียจมา ข.เขาป่วย ค.เขาตายแล้ว
ตอบ…ก็คิดอย่างที่ว่า แต่ว่าเขาอาจหมดรสนี้แล้วก็ไปแสวงหารสชาติใหม่อีกอัน
-พญานาคมีจริงไหม?
ตอบ…นาคะแปลว่าสัตว์ใหญ่ ศิลปะแบบจีนก็ไปแบบจีน แบบไทยก็ไปแบบไทย ตามเรื่องก็เป็น ตามจินตนาการ ของเขา มันมีภาพหลอน แม้แต่ปลายาวๆ คนจับได้เหมือนพญานาค เขาพูดกันไปกันมาก็เพิ่มเติมแต่งเติมกันไป เหมือนเรื่องอีกาเช็ดศพ (คือการเอาปากไปเช็ดศพ)แต่ว่าคนเข้าใจพูดเพี้ยนไปว่า อีกาเจ็ดศพ จากเช็ดปากกลายเป็น เจ็ดศพไปเลย เหมือนพญานาค ก็เล่ากันมา มีหงอนพ่นไฟได้ ก็เป็นนิทานไปใหญ่เลย คำว่า นาคะ แปลว่านอน ผู้ใดหลงแต่นอนก็คือผู้เป็นนาค ไม่ประเสริฐ ผู้ไม่ประเสริฐมาบวชก็เลยต้องซักถามว่า ก่อนจะบวชว่าเป็นนาคหรือไม่? คำว่านาคคือผู้ประเสริฐคือให้มาฝึกฝนตนเองก่อน ที่มีนิทานว่า มีนาคปลอมตัวมาบวช อยู่ไปอยู่มาก็เห็นหางก็เลยต้องมาถามก่อนว่า เป็นนาคหรือไม่? ก่อนจะบวช
-กรณีคุณไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ข่าวว่าจะถูกยุบองค์กรปฏิรูปศาสนาเราจะช่วยอย่างไร?
ตอบ…สังคมประเทศชาติขณะนี้ไม่ว่าด้านการเมือง หรือธรรมะ-ศาสนา กำลังถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ คสช.กำลังทำ ได้อำนาจทางโลกมาแล้ว แม้ทางศาสนาก็กำลังจะได้มา เพราะเขาทำตัวเขาเอง ขอบอกว่า เขารังแกอาตมา แม้ลาออกจากมหาเถรสมาคมแล้วก็ยังตามมาเอาเรื่องอีก ซึ่งแม้ศีล จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล เขาไม่ทำตามแล้ว มีพิธีกรรมที่นอกรีตไปเยอะแล้ว เอาแต่วินัย ๒๒๗ ข้อ ซึ่งวินัยเป็นหลักการทีเกิดทีหลัง แล้วมีการลงโทษ แต่ศีล เป็นธรรมนูญพุทธ พระพุทธเจ้าสร้างศาสนาด้วยศีล แต่เดี๋ยวนี้เสื่อม สมาธิก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ เอามหาจัตตารีสกสูตรไปตรวจสอบ เขาไม่ได้ทำแบบมีลำดับ ไม่ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเล ตอนนี้ น้ำทะเลซัดซากศพมาถึงฝั่งแล้ว เก็บศพได้แล้ว อย่าปล่อยให้ศพเน่า ถ้าโอกาสนี้ไม่ทำแล้วแน่นอน ทางด้านสายประชาชน ฆราวาส ทำได้เด็ดขาดแล้ว เราก็เชียร์อยู่ สายธรรมะก็ทำต่อไป คสช.ตั้งสปช.มาแล้วก็ดีแล้ว เสียงแค่นี้ ทำไมถึงจะเป็นนักสู้ พระพุทธเจ้าว่านักสู้มีหลายแบบ อย่างหนึ่งได้เห็นฝุ่นมาก็หนีแล้ว หรือว่าได้ยินเสียงก็หนีแล้ว หรือว่าจะต่อสู้กันก่อนเลย แต่ว่ายังไม่เห็นหน้าตาก็หนีไปก่อนแล้วได้อย่างไร ทำไมใจเสาะจัง ถ้าโอกาสนี้ไม่เด็ดขาดไม่มีโอกาสอีกแล้ว อย่างนี้ไม่เน่าไม่เป็นซากศพหรือ มีหลักฐานยืนยัน ทั้งปกปิด ปกป้องห้ามมาแตะ ซึ่งของจริงต้องทนทานต่อการพิสูจน์ แต่นี่ปกปิดเน่าใน ท่านมีปัญญาแต่ทำไมยังไม่กล้าก็เท่านั้นแหละ ถ้าไม่กล้าต่ออธรรม แพ้อยู่เรื่อยไม่ชนะแน่ ถ้าไม่กล้า อาตมากล้าพูดได้ว่า ขณะนี้ไม่โดดเดี่ยวหรอก คณะ คสช.จะปฏิรูปสังคมประชาชนมีเยอะ อย่ากลัวเกรงอำนาจเน่าเหม็นนั่นเลย
ตอนบ่ายสองนี้ มีข่าวบอกว่า คุณไพบูลย์ปิดจ๊อบคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนาแล้ว ซึ่งที่จริงเราก็จะให้หยาดน้ำใจทองคำเหมือนที่ให้กับคุณวิชา มหาคุณ ด้วย ก็อำนาจโลกมันแรง
เรื่องการต่อสู้ทางโลกนั้นได้เอกสิทธิ์แล้วทางโลกยอมรับแล้ว ปัญญาชนรับได้แล้ว ถึงขีดเขตที่เน่าแล้วซากศพต้องทำการเก็บไม่มีเสียงค้าน ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ตอนนี้เป็นวาระซากศพถูกซัดขึ้นฝั่งก็เก็บศพกันได้แล้ว
-เหตุของวิมุติที่จะหลุดพ้นด้วยสมาธินิมิต ช่วยอธิบายด้วย
ตอบ…นิมิตแปลว่าเครื่องหมาย การหลุดพ้นด้วยการสร้างสัมมาสมาธิ มีเครื่องหมายที่บอกสัมมาสมาธิ มีเครื่องหมายของนิโรธ ไม่ใช่บัญญัติแต่เป็นสภาวะจริง ว่านี่คือความเป็นวิมุติที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ เช่นทำกิเลสหมดได้หลุดพ้นกาม พยาบาท ดับได้ เมื่อผ่านพ้นได้ จนรักษาผล ตั้งมั่นเป็น อัปปนา พยัปปนา เจตโสอภินิโรปนา เป็น นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) นี่คือทำเครื่องหมายได้มากเท่าไหรก็หลุดพ้นเท่านั้น คือสมาธินิมิต
-ขอแถมเรื่องทอดกฐิน อาตมาเรียกว่าการทอดกฐินปัจจุบันว่า ทอดกระทะทองแดง เพราะสมัยก่อน การทอดกฐินคือการนำผ้าบังสุกุลมาต่อกัน โดยใช้สะดึง ช่วยกันทำ จนนางวิสาขา มาบอกว่าให้ฆราวาสถวายให้ได้ แต่มาก็ขยายไปแต่ว่าอย่าให้เป็นวัตถุอนามาส แต่เดิมเลยคือเอาของที่เขาทิ้งแล้ว บังสุกุลแล้วมาใช้ ถ้าได้ผืนเล็กไม่พอก็เอามาต่อกัน การทอดผ่าป่าก็มีแต่ผ้า แต่เดี๋ยวนี้เลี่ยงบาลีมากแล้ว ทอดกฐินคือมีผ้าเท่านั้น ไม่ได้มีเงินทองอะไร มันเป็นวัตถุอนามาส เอามาให้พระทำไม ไม่ใช่เรื่องที่พระต้องไปวุ่นวายมาก เดี๋ยวนี้เป็นวิธีการหาเงินของพระ พระบวชแล้วยังหาเงินอยู่คือการทำลายศาสนาโดยตรง ไม่ต้องไปหาเงิน จะสร้างอะไรก็ให้เป็นหน้าที่ของฆราวาส อาตมาพาทำนี่แม่แต่เงินเรี่ยไรก็ไม่ทำ เอาแต่เงินของพวกเราเองภายในทั้งนั้น มันไม่เหลือแล้ว ไม่เหลือศีลแล้ว ศีลข้อที่ ๗ มาลาคันธ วิเลปน ธารณมัณฑน วิภูสนัฏฐานา ก็ไม่มีแล้ว
-ทิฏฐิ ๔ อย่าง มีอะไร?
ตอบ…ก็มีทิฏฐิ ๑๐ อย่างที่สำคัญ ถ้าไม่ถูกตรงก็ไม่บรรลุธรรมได้
๑. ทานที่ให้แล้ว มีผล(ให้กิเลสลด) (อัตถิ . ทินนัง) . . . .
๒. ยัญพิธี (พิธีการปฏิบัติ) ที่บูชาแล้ว มีผล (อัตถิ ยิฏฐัง)
๓. สังเวย(เสวย)ที่บวงสรวงแล้ว มีผล (อัตถิ หุตัง)
๔. ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว มีแน่ .
(อัตถิ สุกตทุกกฏานัง กัมมานัง ผลัง วิปาโก) . .
๕. โลกนี้ มี (อัตถิ อยัง โลโก) หมายถึง วนในโลกีย์เดิมๆ . .
๖. โลกหน้า มี (อัตถิ ปโร โลโก) หมายถึง โลกโลกุตระ
๗. มารดา มี (อัตถิ มาตา) . . .
๘. บิดา มี (อัตถิ ปิตา) . .
๙. . สัตว์ที่ผุดเกิดอุปปัติเอง มี (อัตถิ สัตตา โอปปาติกา) . . .
สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ) . . . . .
(พตปฎ. เล่ม ๑๔ ข้อ ๒๕๗)
ทิฏฐิ ๔ อย่าง
ก.เมื่อบุคคลจะบัญญัติอัตตา มีรูปเป็นกามาวจร ย่อมบัญญัติว่า อัตตาของเรามีรูปเป็นกามาวจร
ข.เมื่อบัญญัติอัตตามีรูปหาที่สุดมิได้ ย่อมบัญญัติว่า อัตตาของเรามีรูปหาที่สุดมิได้
ค.เมื่อบัญญัติอัตตาไม่มีรูปเป็นกามาวจร ย่อมบัญญัติว่า อัตตาของเราไม่มีรูปเป็นกามาวจร
ง.เมื่อบัญญัติอัตตา ไม่มีรูปหาที่สุดมิได้ ย่อม บัญญัติว่า อัตตาของเราไม่มีรูปหาที่สุดมิได้ ฯ
วิธีการศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่จะขุดเอา unconsciousness ขึ้นมาจัดการได้ ต้องปฏิบัติให้มีลำดับขั้นตอน
Related posts