มิ.ย.12018ธรรมะพ่อครูศาสนา610530_สนทนาธรรมยามเช้ากับพ่อครู ณ ธรรมสถานภูฟ้าผาธรรม เรื่อง วางตัวยึด พ่อครูตื่นมาตอนเช้าที่ ธรรมสถานภูฟ้าผาธรรม จ.เชียงใหม่ สนทนาธรรมกับปัจฉาฯ เรื่อง อานาปานสติ และ การวางตัวยึดส.ดินไทว่า…คนไปติดใจที่ลมหายใจว่า ให้ดูที่ลมหายใจเข้าหายใจออก คนก็จะไปบังคับลมหายใจ พ่อครูว่า…ไม่ใช่ที่จริงไม่ใช่จุดหมายที่พระพุทธเจ้าหมาย ให้รู้ต่างหาก หมายความว่าต้องมีสติ สัมปชัญญะปัญญา แม้แต่นั่งทำลมหายใจนิ่งสนิทอยู่กับจิตไม่คิดออกไปนอกทวาร 5 ก็ต้องตื่นรู้ จะต้องมีภายนอก ที่มีลมคือต้องกำหนดรู้ลม เพราะว่าภายนอกจะมีดินน้ำไฟลม คุณไม่กำหนดรู้ ดินน้ำไฟ ก็กำหนดลมหายใจเป็นกาย เพราะมันต้องมีข้างนอกด้วยถึงเรียกว่า กาย ข้างนอกมีจิต และมีรูปมีนาม ลมหายใจเป็นรูป หากหลับตาก็ไม่ทำความรู้สึกรับรู้ทางตา หูก็ไม่รับเสียง จมูกไม่รับกลิ่น ลิ้นไม่รับรส แต่ลมหายใจเราก็ต้องกำหนดรู้อยู่ ไม่เช่นนั้นก็ขาดจากความเป็นกาย รู้อยู่ โดยรู้แล้วก็ต้องมีสัญญากำหนดรู้ คุณจะนั่งนิ่งหลับตาโดยไม่หายใจไม่ได้ ก็ต้องรู้ลมหายใจมันเข้ามันออก มันสั้นมันยาว มันก็มีนัย ลิงค ของสั้นของยาว ลิงค ของเข้าของออก เป็นความแตกต่างกัน ให้รู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส นั่นแหละ แต่ทีนี้คนไม่รู้เรื่องก็ไปเล่นลมเบาลมหนักลมเข้าลมออก ลมขึ้นลมลง ลมบนลมล่าง หนักเข้าก็เป็นลมที่เป็นมโนมยอัตตาไป มันเลยเถิดไป ปั้นมโนมยอัตตาเป็นลมไป ลมเบื้องบนเบื้องล่าง ลมไปซ้ายไปขวา อะไรของเขาให้มีสติปัญญารู้ความจริงตามความเป็นจริง ทีนี้ก็อ่านซ้อนเวทนา คือรูปที่กำหนดรู้ ไม่สิ้นความเป็นกายเพราะว่าต้องมีข้างนอกแล้วข้างในต้องอ่าน กาย อ่านเวทนา อ่านอารมณ์ตนเองด้วย ว่า เวทนาอะไร สุข ทุกข์ มีจิต มีอกุศลจิตประกอบในสุขในทุกข์แล้วก็จัดการจัดการที่เวทนา เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯก็จัดการที่เวทนานี่ให้มันเป็นหนึ่ง เวทนาเก๊ กับเวทนาแท้ อันนี้ก็ไม่มีใครพูดกันนะเวทนา 2 เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ทำให้เป็นหนึ่งหยั่งลงเป็นหนึ่งให้สำเร็จคืออะไร ต้องรู้ว่าไอ้นั่นมันเป็นตัวเก๊ มันไม่มีตัวตน มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ สุข คุณมีเวทนามีอาการสุข อาการทุกข์อยู่ ก็คืออาการเก๊ทั้งนั้น รู้แต่ความจริงตามควมเป็นจริงส.เดินดินว่า…พวกสายพม่าก็เรียนรู้เน้นเวทนาเหมือนกัน แต่เขาเน้นที่เวลานั่งหลับตาทำสมาธิแล้วมันปวดแข้งปวดขาก็ให้ลดตัวนี้พ่อครูว่า…ไอ้นั่นไปวุ่นวายอะไรกับร่างกาย ปวดขาก็ขยับมัน กล้ามเนื้อไม่สมดุลก็ขยับ แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปจัดการอะไรกับมันเลย เวทนามันไมใช่กล้ามเนื้อ มันพลาดมันไม่เข้าใจเลยว่า ต้องจัดการให้มันเหลือแต่เวทนาแท้ส.แสนดินว่า…เขาไปจัดการดับเวทนาแท้เสียอีกพ่อครูว่า…มันปวดขา เหตุมันมาจากไม่ใช่ใจ เหตุเพราะนั่งทับมันนาน เลือดลมไม่เคลื่อนก็ขยับมันหน่อยก็หาย ไม่หายก็แสดงว่ากล้ามเนื้อคุณไม่ปกติก็นวดมันหน่อยส.แสนดินว่า…เขาว่าไม่เก่งครับ ต้องนั่งจนมันดับความรู้สึกปวดขาได้เลยครับพ่อครูว่า…มันก็เลยเถิดไปอย่างนั้นไปกันใหญ่เลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ใช่เหตุปัจจุใหญ่ของการปฏิบัติเลย เวทนาก็เรียนรู้สามัญลืมตา มีสัมผัสเป็นปัจจัย เวทนา 108 ต้องมีสัมผัสเป็นปัจจัย เรียนรู้มโนปวิจาร 16 ก็สำคัญที่ มโนปวิจาร 16 ก็มีทวาร 6 สัมผัสแล้วเกิดทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุข ทางทวาร 6 เป็น 18 หากคุณอ่านเวทนาคุณเป็นโลกีย์ เป็นเคหสิตะก็ต้องอ่านมัน ทำกิเลสให้ออก ให้เป็นเนกขัมมะ ต้องอ่านตรงนี้ให้ออก หากไม่เข้าใจจุดเป้าหมายตรงนี้แหละที่มันยุ่ง นอกนั้นเป็นองค์ประกอบ เวทนา 2 กายิกเวทนา เจตสิกเวทนา เวทนา 3 สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เวทนา 5 สุข ทุกข์ โทมนัส โสมนัส อุเบกขา ก็อ่านว่ามันมีลักษณะอย่างไร ดีกรีอย่างไร ทำให้อยู่ในฐานอุเบกขาไว้ แล้วก็มาเวทนา 6 เวทนาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีสัมผัสเป็นปัจจัย มีสุข มีทุกข์ น้ำหนักมัน โสมนัส โทมนัส หรืออุเบกขา คุณก็จัดการสิ เนกขัมมะ คุณต้องรู้รายละเอียดพวกนี้แล้ว เหตุมันมาอย่างไรสัมผัสแล้วมันสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เหตุมันมาอย่างไร ได้มาก จางคลายจากสุขมาเป็นโสมนัส ทุกข์มาเป็นโทมนัส จนกระทั่งมันเป็นอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ไม่โทมนัสไม่โสมนัส กลางๆ คุณก็จัดการทำ ทำให้อาการของคุณ ซึ่งมันเป็นนามธรรมทั้งนั้น มันจะทำได้เพราะว่ามันไม่ยึดไม่ถือ มันปล่อยมันวาง มันเป็นของมัน แล้วสิ่งเหล่านี้หากเราไปยึดมันปั๊บมันก็เป็น พอมันไม่ยึด ไอ้คำว่าไม่ยึด มันเป็นภาษาไทย อุปาทาน ไม่ยึดแล้วคุณวาง มุลจิตตุ ภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทยก็คือ คำว่า ยึด กับคำว่า วาง คุณจะวางเพราะว่าคุณไปยึดว่ามันเป็นจริงอย่างโน้นอย่างนี้ ไอ้ที่ว่า วางไอ้ตัวยึดนี้ คุณไปมี มีเวทนาเก๊ แล้วคุณก็ถือว่าเวทนาเก๊นี้เป็นของแท้ ของเที่ยง ของนิจจัง คุณก็บอกว่ามันไม่ใช่ มันไม่ใช่นิจจัง พอคุณเกิดปัญญา เข้าใจว่า เออมันไม่นิจจัง มันไม่ใช่ของจริง มันอนัตตา มันเป็นตัวทุกข์ ตัวเหตุแห่งทุกข์ด้วยซ้ำ ไปหลงว่าสุขมันก็ทุกข์ เป็นอารมณ์สุขมันก็ทุกข์แหละ แต่คุณเองไปสมมุติมันขึ้นมาว่าเป็นอาการพอใจคือสุข หากเป็นอาการไม่พอใจก็คือทุกข์ เป็นภาษาไทย คุณพอใจมันก็สุข ไม่พอใจมันก็ทุกข์ ไอ้นี่แหละสุขๆทุกข์ๆมันเป็นอาการเก๊ พอคุณนึกว่า เออมันไม่ใช่ของจริงหรอก อ๋อมันไม่จริงเหรอ มันเบาลง อ้าวเห็นวิราคานุปัสสี อ๋อเหรอ มันไม่จริงเหรอ อ้าวไม่จริงเว้ย ลดลงไปจริง หายไปเลย นี่นิโรธานุปัสสี ตัวรู้ธาตุรู้มันซ้อนอยู่ในนี้ มันก็มีพลังงานที่รู้นั่นแหละว่ามันโง่ มันรู้นี่แหละว่ามันไม่มีจริง คุณก็ทำรู้นี่ให้มันชำนาญ รู้นี่ให้มันมีประสิทธิภาพ ว่าแท้ๆมันไม่จริง แล้วมันจริงมันก็มี เมื่อรู้ชัดเจนว่ามันไม่จริงก็ไม่มี รู้ชัดเจนก็ไม่มี มันก็จะรู้ความจริงตามความเป็นจริง ที่คุณปฏิบัติจริงก็จะเห็นของจริงพวกนี้ว่า ใช่ ถ้าเราเห็นความจริง เข้าใจชัดๆอย่างนี้ มันก็หายไปเนอะ ก็เข้าใจ ก็ต้องทำ ก็ต้องฝึกเอา ฝึกได้จะรู้ว่า อ๋อ อย่างนี้เองปฏิบัติธรรม ทำเวทนาในเวทนาเนกขัมมะ 18 คืออย่างนี้เอง จบแล้ว Categories: ธรรมะพ่อครู, ศาสนาBy SamanasandinTags: พ่อครูสมณะโพธิรักษ์สมณะโพธิรักษ์Author: Samanasandin http://www.boonniyom.netPost navigationPreviousPrevious post:610530_เทศน์กัณฑ์พิเศษ ภูฟ้าผาธรรม จ.เชียงใหม่ พ่อครูสอนฝึกเจโตสมถะNextNext post:610530_สนทนาธรรมยามเช้ากับพ่อครู ณ ภูฟ้าผาธรรม เรื่อง ยิ่งฝึกสมาธิจิตยิ่งเร็วกว่าแสงRelated Posts640307_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด640305_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย 640303_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่640301_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29640226_พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์640225_พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์