611014_วิถีอาริยธรรม สันติอโศก กาลามสูตรและเตวิชชสูตร
อ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่… https://docs.google.com/document/d/1xQ3c5A5ujIPpzbE1qJeG-T97cPwZTEmOgDhFmZNbs8Y/edit?usp=sharing
ดาวโหลดเสียงที่.. https://drive.google.com/open?id=1wgGD1O7bWs-mxF7miAdm0yXxo9Iux5mI
สมณะเพาะพุทธว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก เป็นวันครบรอบ 45 ปี 14 ตุลาคม หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ขึ้นหน้าปกว่าคิดถึงพระองค์มาก วันนี้เป็นวันครบรอบ 88 ปีของโยมสวงค์ บุญโชค บอกว่าผมสังหรณ์ใจว่าพ่อท่านจะมา แล้วพ่อท่านก็มาจริงๆด้วยแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความปีติ วันนี้ ท่านมาพร้อมกับภรรยาและลูกๆ ลูกสาวเขียนมาบอกว่า คุณพ่อสวงค์รับประทานอาหารมังสวิรัติติดต่อกันมานานถึง 30 ถึง 40 ปีตั้งแต่พบสันติอโศกมาปกติเป็นคนรักษาศีล 5 เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสอัธยาศัยใจคอดี ปกติเพิกเฉยต่อคำพูดที่ไม่ดีของคนอื่น มีพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์เป็นกำลังใจให้มีอายุยืน ปกติมีอายุปานนี้ แต่ก็ยังมาฟังธรรมที่สันติอโศกเป็นประจำ
ประเด็นที่อยากขอเกริ่นนำ เมื่อสักครูพ่อท่านได้เกริ่นถึงนามปากกาเก่าสมัยใหม่เสมอ เขียนคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยม นามปากกาเดิม โบราณ นวทัศน์ แต่พ่อท่านเห็นว่านามปากกานี้ห่างไกลจากความเข้าใจของคนมากไปก็เลยเปลี่ยนเป็นนามปากกา เก่าสมัย ใหม่เสมอ หรือเก่าก็ได้ใหม่ก็ด้วย พ่อท่านว่าเพราะกว่าแต่อาตมาก็ว่า เก่าสมัย ใหม่เสมอนั้นเพราะกว่า เธอมีชีวิตอยู่กับสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่ได้อย่างผสมกลมกลืน ไม่ใช่ฝังหัวแต่กับของเก่าโดยไม่สนใจสิ่งใหม่ หรือไม่ก็เอาแต่สนใจสิ่งใหม่ไม่สนใจสิ่งเก่า รักษาชีวิตแบบเดิมๆแบบของแบบพระพุทธเจ้าเอาไว้แล้วเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้
มีถ้อยคำที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ให้ไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่สามีของเธอทิ้งไป ทั้งที่อยู่กินกันมานานมีลูกกันมาแล้วด้วย เธอผู้นี้มีความแค้นใจเป็นอย่างมาก เป็นขนาดอยากจะฆ่าใครก็ได้แล้วจะฆ่าตัวเองตายตามไปก็ได้ ได้เล่าให้พ่อท่านฟัง หลังจากได้พูดระบายกับพ่อท่านแล้ว พ่อท่านพูดว่า ถ้าหากเขาดีเขาไม่ทำแบบนี้หรอก คำพูดเท่านี้ทำให้หญิงผู้นั้นเกิดความสว่างโพลงในจิต ความดำริที่เป็นพยาบาทที่อยากจะฆ่า ก็ได้คิดตามที่พ่อท่านว่า “ถ้าหากเขาดีเขาไม่ทำแบบนี้หรอก” ประเด็นนี้สื่อแสดงภาวะของผู้มีจิตสูง ถ้าเรานำคำนี้ไปใช้กับการดำเนินชีวิต ไม่เห็นใครทำไม่ดีท่านที่เราจะรู้สึกไม่ดีกับพฤติกรรมของเขา ก็ใช้คำพูดของพ่อท่านไปพิจารณาว่าถ้าหากเขาดีเขาไม่ทำแบบนี้หรอก ทำให้เราเข้าถึง ยถาภูตญาณทัสนะ รู้ความจริงตามความเป็นจริงได้ตามไปด้วย
พ่อครูว่า…มีลุงทุย ท่าชนะ ฝากถาม ให้ ตอบในวันอาทิตย์ครับ
1.พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ในกาลมสูตร
ไม่ ให้ เชื่อ 10 อย่าง แม้จะเป็นคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฎก ท่านพุทธทาสได้กล่าวเอาไว้ว่า คำสอนในพระไตรปิฎก สามารถฉีกทิ้งได้ถึง 60% หรืออาจารย์คึกฤทธิ์ ที่เน้นพุทธวจนที่บอกว่า พระไตรปิฎกนั้น ให้เลือกเชื่อเฉพาะที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่า ทั้งพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ และหมอเขียว จะเอาพระไตรปิฎกมาสอน เป็นประจำ อยากทราบว่า การปฏิบัติแบบไหน จะถือว่า เป็นการปฏิบัติตามกาลามสูตร
จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มีกล่าวไว้ที่ไหนในพระไตรปิฎก เพราะไม่เคยได้ศึกษามาจากท่านอาจารย์พุทธทาส หรือพระในมหาเถรสมาคม ก็ไม่มีท่านใดที่ได้นำเอามาสอน
พ่อครูว่า…ใช่ ยืนยันชัดเจนว่าในประเทศไทยนี้ มหาเถรสมาคมรวมทั้งท่านพุทธทาส ก็ยืนยันอย่างนั้นแสดงว่าหายไปจริงๆด้วยในโลกสังคมพุทธ ศีล ไม่มี เหลือแต่วินัย 227 พูดกันเมื่อไหร่พระถือศีลเท่าไหร่ก็บอกว่าถือศีล 227 จบชัดเจน หมดไปแล้วจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล
คำว่าศีลกับวินัยก็ยังแยกไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าศีลกับวินัยเป็นอันเดียวกัน วินัยเป็นกฎหมายที่มีโทษ ส่วนศีลไม่ใช่แบบนั้นเป็นคำกลางๆก็เห็นดีเห็นงามก็ปฏิบัติ ปฏิบัติให้เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธก็ได้ผลไป
ตกลงเขาอ่านพระไตรปิฎกกันหรือเปล่า แสดงว่าไม่เปิดพระไตรปิฎก ไปเปิดก็จะเจอเลย โดยเฉพาะพระสูตร พระวินัยมี 8 เล่ม ศีลมีอยู่ในพระสูตรตั้งแต่ประสูติแรกคือพรหมชาลสูตร ท่านเปิดด้วยโลกอุบัติขึ้นมาอย่างไร และผู้เป็นเจ้าอุบัติขึ้นมา ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ ในคำชมนั้น คำที่จริง เธอทั้งหลายควรปฏิญาณให้เห็นโดยความเป็นจริงว่า นั่นจริงแม้เพราะเหตุนี้ นั่นแท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้คำนั้นก็มีในเราทั้งหลาย และคำนั้นจะหาได้ในเราทั้งหลาย.
จุลศีล
[2] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต จะพึงกล่าวด้วยประการใดนั่นมีประมาณน้อยนักแล ยังต่ำนัก เป็นเพียงศีล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปุถุชนกล่าวชมตถาคตจะพึงกล่าวด้วยประการใด ซึ่งมีประมาณน้อย ยังต่ำนัก เป็นเพียงศีลนั้น เป็นไฉน?
พ่อครูว่า…หากจะชมว่าคนนี้รวยก็ไม่เที่ยงแท้ ทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปมาไม่มีเป็นของตัวของตนจริงๆเลยแต่ถ้าศีลนั้นใครมีในตน ให้เกิดเป็นสมาธิปัญญาวิมุตติวิมุตติญาณทัสสนะ ตั้งมั่นแล้วเช่นศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ มีความปรารถนาดีหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ ไปทางไหนก็มีกิริยาอย่างนี้เพราะคนมีศีล เป็นสุดยอดมนุษย์ แม้จะรวยเป็นแสนล้านก็ไม่เป็นเครื่องชี้ว่าเป็นคนที่ใจสูง นี่เป็นศีลข้อที่ 1 ข้อเดียวข้อแรกต่ำที่สุดแล้วนะ นี่แหละสิ่งยืนยันคนที่สูงได้อันนี้เป็นคุณธรรมที่ต่ำที่สุดแล้ว ความรวยความมีสถานะยืนยันไม่ได้ เป็นสมบัติผลัดกันชมไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปมา แต่ว่าศีลนี้ทำให้ตั้งมั่นยืนยันอยู่ที่เราได้ตลอดนิรันดร์กาลได้
ใครจะไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิตยกมือขึ้น …ยกมือ…
พวกเรามั่นใจ แล้วจะไปฆ่าเขาทำไม เพราะเรารู้จักวิบาก รู้จักความดีความไม่ดีเป็นสมมุติ ยิ่งปรมัตถ์แล้วก็ยิ่งไม่ทำบาป แต่นี่คนทำไมต้องสร้างอาวุธขึ้นมาฆ่ากัน อาวุธที่สร้างไม่ได้หมายจะฆ่าสัตว์ คนอุตริเอาไปยิงหมีขอหมีดำ แต่ที่จริงมันสร้างมาฆ่าคน เป็นเรื่องเลวร้าย คนเราทำร้ายกันไม่ต้องถึงกับเอาอาวุธทำร้ายกันแค่มือไม้ทำร้ายกันก็แย่แล้ว แต่นี่มีจิตใจที่สร้างอาวุธเพื่อจะฆ่าคน มันไกลแสนไกลจากพระพุทธเจ้า ท่านจึงสอนให้ห่างไกลคนพาล ร้อยโยชน์พันโยชน์ ได้เป็นดี
อาตมานี่ต่อให้แก่อายุ 100 กว่า ก็จะยอมให้เรียกแก่บ้าง แม้มีคนเห็นด้วยเท่านี้ก็ภูมิใจแล้ว ปฏิบัติธรรมมาพุทธเจ้าได้สำเร็จเป็นคนในสังคมโลกที่มีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ มีจริงๆไม่ได้พูดเล่น ปฏิบัติได้เป็นจริงเลยพวกเรานี้มีสิ่งเหล่านี้ จึงเป็นคนอยู่ในสังคมในประเทศอยู่ในโลก ที่ไม่เบียดเบียนใครไม่เป็นภัยต่อใครมีแต่คุณค่าประโยชน์
ตอบขอบลุงทุยก่อน…ท่านพุทธทาสได้กล่าวเอาไว้ว่า คำสอนในพระไตรปิฎก สามารถฉีกทิ้งได้ถึง 60%
พ่อครูว่า…อย่างนั้นโมหะเกินไป พระไตรปิฎกมีคนนับถือทั่วโลกแต่พระพุทธทาสบอกว่าฉีกทิ้งได้ 60% ในพระไตรปิฎกมีแต่คำสอนพระพุทธเจ้ากับคำสอนของพระเถระในยุคพระพุทธเจ้าเท่านั้น คำสอนในยุคของพระพุทธเจ้าก็เป็นคำสอนที่ในยุคของพระเถระที่น่านับถือมีอีกมากมาย ตัดเองตัดสินได้ไหมว่า คำนี้ เป็นคำของพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่จริงแล้วไปฉีกทิ้งได้อย่างไร ฟังดูใหญ่เหลือเกิน อาตมาไม่ได้ฉลาดยิ่งใหญ่ขนาดตัดสินฉีกทิ้งขนาดนั้น ท่านพุทธทาสก็ฟังแล้วน่ากลัว
หรือท่านคึกฤทธิ์ให้เลือกเชื่อเอา แต่อาตมาว่า ที่ท่านบันทึกในพระไตรปิฎกคงไม่ใช่ของที่ขี้เหร่เท่าไหร่ แล้วเก่งอย่างไรให้เลือกเชื่อ อาตมาว่าหากเรายังไม่เข้าใจอย่าไปตีทิ้ง เอ็งเก่งขนาดไหนพิพากษาได้เลยตีทิ้งได้เลย ไม่ว่าจะเป็นยุคของท่านพุทธทาสหรือท่านคึกฤทธิ์ ที่จะเอาแต่พระวจนะ เขาเก่งกว่าพระเถระอื่นๆด้วย อาตมาว่าจองหองจังเลย
ส่วนจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลนั่นมีในพระสูตรเล่มแรกเลย จุลศีลมี 26 ข้อ มัชฌิมศีลมี 10 ข้อมหาศีลมี 7 ข้อ ศีลนั้นอธิบายโดยย่อ
ศีลข้อ1 สมาธิ กับปัญญาก็อยู่ที่ศีลข้อ1 วิมุติ วิมุติญาณทัสนะก็อยู่ที่ศีลข้อ1 มันมีทั้งหมด แต่เขาไม่เข้าใจว่า ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต วิมุตติญาณทัสสนะในศีลข้อที่ 1 เป็นอย่างไร เมื่อคุณไม่รู้ก็ทำไม่ได้สักอย่าง สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุตติญาณทัสสนะก็ไม่ได้ เพราะคุณไม่รู้ว่าในศีลข้อที่ 1 นั่นแหละมีทุกอย่าง อาตมารู้แล้วอาตมาก็ทำได้ก็มาสอนพวกเราให้รับต่อไปได้จึงสำเร็จมีการบรรลุได้ กถาวัตถุ 5 แล้วคุณก็เอาไปปฏิบัติ
เรื่องที่ชักนำให้มักน้อย กล้าจน (อัปปิจฉกถา) .
เรื่องที่ชักนำให้สันโดษ ใจพอ (สันตุฏฐิกถา)
เรื่องที่ชักนำให้สงัดจากกิเลส (ปวิเวกกถา) .
เรื่องที่ชักนำไม่ให้คลุกคลีกับหมู่กิเลส (อสังสัคคกถา) .
เรื่องที่ชักนำให้ปรารภความเพียร (วิริยารัมภกถา) .
เรื่องที่ชักนำให้บริสุทธิ์ในศีล (สีลกถา)
เรื่องที่ชักนำให้จิตตั้งมั่นในสมาธิ (สมาธิกถา) .
เรื่องที่ชักนำให้เกิดปัญญา (ปัญญากถา)
เรื่องที่ชักนำให้หลุดพ้นจากกิเลส (วิมุติกถา)
เรื่องที่ชักนำให้เกิดความรู้แจ้ง เห็นจริงในความหลุดพ้นจากกิเลส (วิมุตติญาณทัสสนกถา)
(พตปฎ. เล่ม 24 ข้อ 69)
ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของกับพืช ของคือวัตถุดินน้ำไฟลมกับพืช อันแรกสัตว์ทั้งหมดก็มีสัตว์ในโลกก็มีสัตว์กับดินน้ำไฟลมอากาศกับพืช
ศีลข้อที่ 3 เรามีความรู้สึกเรามีผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ กับสัตว์ ผัสสะกับของ กับพืช เท่านี้แล้วก็มีครบแล้วในโลกแล้วปฏิบัติให้มีสมาธิปัญญาวิมุตติวิมุตติญาณทัสสนะ จบเลยศาสนา จากนั้นก็เอาไปพูดอยู่ที่วจีกับมโน ศีลข้อที่ 4 คือวจี ศีลข้อที่ 5 คือมโน
ดังนั้นที่ว่า มหาเถรสมาคมแม้แต่ท่านพุทธทาสก็ไม่เอาเรื่องของจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลแล้วก็ถือว่าหมดไปเลย แม้แต่หมอประเวศ วสี ก็แยกเลย หากจะศึกษาเรื่องศีลก็ไปสันติอโศกหากจะศึกษาเรื่องสมาธิก็ไปที่ธรรมกาย หากจะศึกษาเรื่องของปัญญาก็ไปที่สวนโมกข์
นั่นแหละเป็นคำพูดที่ผิด หากจะเอาให้ครบทั้งศีลสมาธิปัญญาต้องมาที่สันติอโศก หากจะเอาสมาธิที่ผิดเพี้ยนก็ไปเอาที่ธรรมกาย หากจะเอาปัญญาที่แหว่งๆก็ไปเอาที่สวนโมกข์ วันนี้พูดยังอวดดี แต่เรื่องอะไรจะอวดความชั่ว ก็ต้องอวดความดีให้กันฟัง อาตมาไม่โง่นะ ใครจะโง่อวิชชาก็อวิชชาไป อาตมาฉลาด ใครจะว่าอาตมาโง่ก็แล้วไป อาตมาเลิกอวิชชาแล้ว อาตมาฉลาดแล้วรู้ด้วยว่า โลกียะกับโลกุตระต่างกันอย่างไรแยกแยะได้ อาตมาไม่โง่แล้ว ส่วนคนโง่คือคนไม่รู้หรอกโลกุตระกับโลกียะ ก็อยากจะไม่ได้พูดไม่ได้ อาตมาพูดได้ แยกแยะได้ เอามาให้คนปฏิบัติได้ด้วย คนชาวอโศกเป็นคนโลกุตระ ยืนยัน มีในศาสนาพุทธ ศาสนาเดียวเท่านั้นที่มีโลกุตระ
หากทิ้งจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีลก็เท่ากับทิ้งศาสนาพุทธเลย มหาเถรสมาคมและท่านพุทธทาสทิ้งก็แสดงว่าไม่เหลือเลยศาสนาพุทธของท่าน ท่านบอกว่าฉีกทิ้งได้ตั้ง 60% ท่านไม่เห็นค่า แต่อาตมาเห็นค่า คำอธิบายได้อธิบายยังไม่หมดเลยตอนนี้ หากอาตมาอยู่ถึง 60 กว่าปีก็ไม่รู้จะอธิบายหมดหรือเปล่า
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ในกาลามสูตร
ไม่ ให้ เชื่อ 10 อย่าง…แล้วคุณจะไปเชื่ออะไรได้เล่า
อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา (มา อนุสสเวนะ)
อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำสืบๆ กันมา (มา ปรัมปรายะ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ (มา อิติกิรายะ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา (มา ปิฎกสัมปทาเนนะ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยเดาเอาเอง (มา ตักกเหตุ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยคาดคะเน (มา นยเหตุ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยความตรึกตามอาการ (มา อาการปริวิตักเกนะ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว (มา ทิฏฐินิชฌา นักขันติยา)
อย่าได้เชื่อถือ โดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ (มา ภัพพรูปตายะ)
อย่าได้เชื่อถือ โดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)