มี.ค.152020ศาสนา630315_รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ ฌานระดับไหนที่พ่อครูใช้ในการแสดงธรรมอ่านทั้งหมดที่ หรือดาวโหลดเอกสารที่…https://docs.google.com/document/d/1qeIL-QUu5AeEZgmCnQlyShpClW24AWmQhoqyr7blZzU/edit?usp=sharing ดาวโหลดเสียงที่ https://drive.google.com/open?id=1yY3MDQ4lcoS-P0eKjTdT1bECLga52goD สมณะฟ้าไทว่า…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2563 ที่บวรราชธานีอโศก ตอนนี้สถานการณ์ของโควิด 19 เมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกวันเดียว 32 คน มักติดในคนที่ไปสถานอโคจร พวกเที่ยวกลางคืน และอดนอนก็ภูมิต้านทานต่ำ เช่นเดียวกับหมอจีนที่ติดโรคเพราะว่าทำงานหนักไม่ได้พักผ่อนเลยติดไวรัส พวกเราก็ต้องทำภูมิต้านทานให้ดี ทำตาม 8 อ. ส่วนที่เรา ก็ปิดน้ำตก ปิดกิจกรรมร่มโพธิ์ร่มไทรไปโดยปริยาย ส่วนอาตมาก็ไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าเฮือนบวร ว่าปิดจะเดือดร้อนไหม ก็มีอยู่สองจ้าวที่เดือดร้อน อาตมาก็บอกว่าให้มากินข้าวที่นี่ได้ มาเอาผักที่นี่ไปกินได้ บางคนบอกว่าถ้าหนูไม่มีผัวก็ว่าจะมาอยู่บ้านราชฯ เลย ผัวหนูเลี้ยงวัว รักวัวมากกว่าหนูอีก ว่างั้น แต่ก็ไม่เที่ยง ให้ดูไปก่อน “ปิดราชธานีอโศก ปิดส่วนไหนบ้าง? ในช่วงCovid 19”.พ่อครูว่า…แล้วตกลงจริงยังไง เด็ดขาดอย่างไร พูดกับผู้ที่มาค้าขายอยู่กับเราก็ตามเราจะปิดร้านของเราก็ตามอะไรพวกนี้ตกลงแล้วก็เลยยังไม่ค่อยเข้าใจ สม.กล้าข้ามฝัน… เขาคิดว่าพ่อท่านให้ปิดก็เลยจะปิดพ่อครูว่า…คือที่จำได้ให้หม่องเขียนว่า ปิดราชธานีอโศก น้ำไม่ไหลไฟไม่ดับ ไม่ต้อนรับโควิด 19 หมายความว่าไง ก็หมายความว่าราชธานีอโศกมีการปิด นัยสำคัญ ปิดอะไร คือ 3 ช้อยส์ น้ำไม่ไหลคือปิดน้ำ น้ำก็ไม่มีเล่น น้ำตก น้ำโตน แต่ไฟไม่ดับ ไฟฟ้ามีใช้ ไฟในครัว ไฟฟืนมีใช้ แต่โควิด 19 อย่าเข้ามานะ ไม่ต้อนรับ แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขา เพราะฉะนั้นมันจะมาด้วยคนที่นำมาเป็นพาหะนำเชื้อนี้มาก็ตรงนี้แหละ เราคงต้องเข้มงวดกับคนที่จะนำเชื้อมาเพราะว่า โควิดมันมาตามอากาศเราไม่ต้อนรับมัน แต่มันอยู่ในอากาศ 4 ชม.ไม่มีอะไรมาก็ตาย แต่อยู่กับคนก็มาได้หลายชั่วโมง หลายอาทิตย์จนตาย แต่ถ้าอยู่ในอากาศ ยิ่งเข้ามาอยู่ในบรรยากาศที่นี่ อากาศที่นี่แจ่มใส อาตมาก็อธิบายยาก บรรยากาศที่นี่เป็นคุณสมบัติดี เชื้อโรค มันเป็นธาตุไม่ดี มันอยู่กับธาตุดีไม่ได้หรอก เพราะว่าไม่ใช่บรรยากาศของมันพวกแบคทีเรียพวกของเน่ามันไม่อยู่แต่แบคทีเรียที่ดีๆก็จะอยู่กับองค์ประกอบสังขารปรุงแต่งที่สะอาดมันก็เป็นธรรมดาแบคทีเรียดีแบคทีเรียขาว มันก็อยู่กับองค์ประกอบที่เหมาะสมของมัน อันนี้ก็เป็นนัยสำคัญที่จะเป็นไปตามธรรม เราก็เอารูปธรรมง่ายๆ ส่วนร้านค้าก็ขายกันไปเถอะไปปิดก็ลำบากลำบน สังคมทุกวันนี้มีความอ่อนแออ่อนแอแม้กระทั่งข่าวลือตื่นเต้นตกใจเดือดร้อนวุ่นวายกันไปหมดมันอ่อนแอมากเลยอาตมาว่า เอาน่า.. จริงๆแล้ว โควิด ไม่ได้ร้ายแรงเร็วอย่างอหิวาห์ตกโรค ก็ยังพอจะสู้ยังพอจะรับมือดีไม่ดีก็หายมากกว่าตาย ก็อย่าตกใจกันมาก ต่อให้อหิวาห์ตกโรคอย่างแรงกว่าเท่าที่เคยมีมาก็ยังรับมือกันจนกระทั่งสุดท้ายก็กลายเป็นโรคห่า อันนี้อาตมาว่ามันเป็นเชื้อโรควัดสถานะจิตใจของมนุษย์โลกว่าอ่อนแอมาก พวกเรามีภูมิคุ้มกันสูงพอสมควร สัปปายะ 4 มีสถานที่ดี บุคคลดี อาหารเครื่องอาศัยดี ธรรมะที่ดี ของเรามีเชื้อคุณธรรมอันวิเศษ แต่อย่าประมาท พวกเราก็ทำดีแล้ว ระมัดระวังรอบรัด ดูให้รอบคอบ ดีแล้ว แต่สรุปแล้วเอาเถอะขายก็ขายกันในนี้ ดูแลกันในสามอันนี้ น้ำไม่ไหล ไฟไม่ดับ ไม่ต้อนรับโควิด 19 ส่วนที่ไหนจะอะไรอย่างไรก็ตัดสินไปตามกรรมการ สังคมก็วนเวียนไปมา มันไม่เที่ยงแท้แน่นอนยึดถือกันไปในแต่ละยุค ก็มีผู้วิจัยสังคมมาให้อาตมาอ่าน วิจัยตั้งแต่ 7หมื่นปีก่อน เราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าอดีต หรืออนาคต ถูกหรือผิด เรายึดปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสมที่สุดทุกอย่างไม่เที่ยงอย่าไปยึดมั่นถือมั่นตามเหตุปัจจัยองค์ประกอบ อาตมาอยู่กับปัจจุบันที่เล็กที่สุดเล็กนิดเดียวนั่นก็ยากที่จะเข้าใจกันก็มีองค์ประกอบอะไรที่อาตมาตัดสินใจก็ด้วย ความจริงใจด้วยภูมิปัญญาที่มีเห็นว่าอันนี้มันดีที่สุด ก็ตัดสินอันนี้ก็จบไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ อาจจะผิดอาตมาว่าอาตมาอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้หรือถูกก็ได้ แต่แน่นอนเรามีความจริงใจ เราไม่ต้องการให้เกิดสิ่งที่ตัดสินแล้วมันไม่ดี ตัดสินสิ่งนี้ต้องดีแน่นอน แต่แน่นอนเราไม่หลงตัวเองว่าเราถูกหมด เราตัดสินนั้นถูกหมดแต่เราจริงใจว่าเราไม่ผิด เราจริงใจไม่ให้ผิดแต่ถ้ามันผิดมันก็เป็นเรื่องสุดวิสัย เก่งเท่านั้นใครก็อยากเก่งที่สุด ใครก็ไม่อยากผิดใช่ไหมแต่มันสุดวิสัยก็จบ จะลงโทษคนที่สุดวิสัยจะไปทำต้มยำกุ้งก็ตามใจไม่ว่ากัน _กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงเมื่อ ๗๐,๐๐๐ ปีก่อน แม้มนุษย์จะมีทักษะในการจุดไฟแล้วก็ตาม แต่สัญชาตญาณของมนุษย์ยังคงดิบเถื่อน ไม่ต่างจากสัตว์ดึกดำบรรพ์ทั่วไปพ่อครูว่า…เรามีมรณสัญญาสมบูรณ์แบบ อรหันต์ไม่กลัวตาย จะตายแล้วเกิดอีกก็ได้ จะไม่เกิดอีกก็ได้ จะไปกลัวทำไม ตายก็แค่เปลี่ยนภพชาติ เปลี่ยนร่างอาศัย สมควรตายก็ตายไม่ให้เกิดบาปเวร ตายก็ต้องตาย ส่วนคนอื่นเขาจะสร้างบาปสร้างเวรของเขาก็อยู่ที่เขา เราไม่พยายามเป็นตัวเหตุให้คุณทำวิบากบาปเวรอะไร แต่สุดวิสัยจะทำอย่างไร ของเราไม่มีบาปเวรภัยต่อใครๆ แต่ใครจะจะสร้างบาปเวรภัยต่อเราไปห้ามได้อย่างไรเสือก็ตามงูก็ตาม อย่างไรมันก็จะกัดกินเราสุดท้ายเราสู้มันไม่ได้เราก็ต้องให้มันกินมันเอาเราตายเลยเราก็ต้องตายจะไปจองเวรทำไมมันกินก็กินไปสิเป็นเนื้อหนังมังสาแต่ใจเราก็ไม่ได้ไปจองเวรจองกรรมก็จบเท่านั้นเอง _กราบนมัสการพ่อท่านด้วยความเคารพอย่างสูงเมื่อ ๗๐,๐๐๐ ปีก่อน แม้มนุษย์จะมีทักษะในการจุดไฟแล้วก็ตาม แต่สัญชาตญาณของมนุษย์ยังคงดิบเถื่อน ไม่ต่างจากสัตว์ดึกดำบรรพ์ทั่วไป…. ไม่มีความพิเศษโดดเด่นอะไร นอกจากนำหินมาใช้เป็นเครื่องมือได้บ้าง เป็นเพียงระดับกลางๆในห่วงโซ่อาหาร ผู้มีกำลังมากกว่าเป็นผู้มีอำนาจสั่งการ ใครแข็งแรงกว่าก็เป็นผู้นำกลุ่ม……. เช่นเดียวกับฝูงสัตว์การถูกกดขี่เคี่ยวกรำ ที่พวกอ่อนแอ มีเรี่ยวแรงน้อยกว่าได้รับ เป็นตัวผลักดันให้เกิด วิวัฒนาการทางความคิด จากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดส่งต่อรหัส สัญลักษณ์ในการสื่อสาร จนสามารถประดิษฐ์ถ้อยคำ เป็นภาษาที่สื่อสารถึงกันได้… ผนวกกับความคิดที่จะเอาชนะ เพื่อพาตัวให้รอดปลอดภัย เป็นตัวขับเคลื่อนให้สมอง เกิดพัฒนาการรับรู้ มีกระบวนการนึกคิดแบบจินตนาการ จึงเกิดการบอกเล่าเรื่องราว และถ่ายทอดสู่กันฟังได้….. แม้แต่นามธรรม ที่ไม่มีอยู่จริงเรื่องสมมติที่เชื่อมโยงจินตนาการของมนุษยชาติไว้ด้วยกัน ทำให้มนุษย์ทั้งเหนือชั้นกว่าสัตว์ ทั้งงมงายบูชาไฟ แต่ก็เป็นเหมือน “ทางด่วนของวิวัฒนาการ” ที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ พัฒนาอย่างก้าวกระโดด และกลายมาเป็นผู้อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร จนสามารถครองโลกได้ในที่สุด……ถ้าลองเทียบเคียงกับปรากฏการณ์ ที่คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถสื่อสารกันได้ทั่วทั้งโลก แล้วเกิดอะไรขึ้น?!…….. ก็พอจะเข้าใจสภาพการณ์เช่นนั้นได้ แต่การพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ…. บอกเล่านิทานเรื่องราวของบุคคลที่๓… ตลอดจนความเชื่อใน“สมมติ” ยังคงถูกกำกับด้วยสัญชาตญาณเดิมๆ ทำให้การจินตนาการ และการบอกเล่าต่อๆกันนั้น ถูกยึดมั่นว่าเป็นจริง ทั้งที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการบิดเบือน (Information Operation หรือ IO แรกของโลกได้ถือกำเนิดขึ้นในสภาวะเช่นนี้เอง) …..และแม้ว่าความสามารถในการเล่า “ความจริงสมมติ” ได้สร้างความเชื่อมั่น จนทำให้รวมกลุ่มกันได้มากกว่าฝูงสัตว์…. ทั้งทำให้มนุษย์สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอีกต่อไปก็ตาม………..(พ่อครูว่า…หากเปลี่ยนแปลงที่พันธุกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถาวร แต่ถ้าเปลี่ยนแค่พฤติกรรมสรีระ ก็ไม่ถาวร) แต่การพึ่งพา สัญชาตญาณที่กักขฬะ ก็ทำให้ตกเป็นเหยื่อถูกโน้มน้าวครอบงำได้ง่ายๆ เช่นกัน…..ยกตัวอย่างเช่น “พรรค๙ไกล” ตั้งขึ้นใหม่ ยังไม่เคยเห็นว่าทำความดีอะไร แต่เพื่อนชาวอเมริกันบอกว่า พรรคนี้เป็นประชาธิปไตยดี เพราะต่อต้านเผด็จการ… ฉันรักประชาธิปไตย และอยากค้าขายกับคนอเมริกัน เลยชอบพรรคนี้ แล้วจึงพาลเกลียดลุงตู่ เพราะทหาร=เผด็จการ เป็นต้น (พ่อครูว่า…ถามพวกเราว่าตอนนี้เมืองไทยเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย…พวกเราตอบกันว่าเป็นประชาธิปไตยกันทุกคน ใครที่ไปยึดมั่นถือมั่นทหารเท่ากับเผด็จการคนนี้ตื้นเขินมาก ในยุคนี้มันไกลจากตรงนั้นแล้วก็พูดอีกนิด ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศก็เคยบอกกับสังคมจำไม่ผิดนายกฯประยุทธ์นี้เคยบอกว่า ผมเคยเป็นทหารแต่ตอนนี้ผมเป็นนายกฯ ผมไม่ได้เป็นทหารผมบริหารปกครองในฐานะของนายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้เป็นทหารแต่ผมเอาทหารออกจากตัวผมไม่ได้ยศพลเอกผมก็เอาออกไม่ได้ ในหลวงเป็นคนตั้งก็เท่านั้นเอง ผมไม่ได้ไปทำการด้วยอำนาจในกองทหาร ทำหน้าที่นายกฯไม่ได้ทำหน้าที่พลเอกประยุทธ์ ถ้าถ้าใครฟังออกพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าทหารมีอำนาจบาตรใหญ่ทั้งอาวุธและกองทัพ แต่นี่เขาไม่ได้เอาอำนาจนั้นมาใช้ จริงอยู่ว่าเขาเคยเป็นผู้ควบคุมความมั่นคงของชาติอันเก่าต่างๆนานา เป็นคสช.เป็นหัวหน้าคสช.ก็แล้วแต่แต่เขาไม่ได้ไปเอาอำนาจพวกนั้นไปใช้ เขาให้อิสระเสรีภาพต่อสังคม ซึ่งอาตมาก็กำลังอธิบายประชาธิปไตยที่มี(อิสระเสรีภาพ ทาน ปัญญา อนุกัมปา อนัตตา) ปัญญาก็เอาของพระพุทธเจ้า เป็นความรู้ความฉลาดของโลกุตระซึ่งมันคนละตระกูลของโลกีย์) _แล้วมนุษย์ก็ออกจากถ้ำ..ก่อบ้านแปลงเมือง..สร้างแว่นแค้น..แผ่ขยายอาณาจักร..ยึดครองจักรวรรดิ..สถาปนาชาติรัฐ ……จากหัวหน้าเผ่าสู่เจ้าชีวิต….รับบัญชาสวรรค์เป็นสมมุติเทพ…..ทั้งศักดินาสวามิภักดิ์…..คณาธิปไตยสภาขุนนาง…… เผด็จการมหาราช…..ทรราชขี่ม้าขาว…..สังคมนิยมคอมมิวนิสต์…..เสรีนิยมนายทุนพรรค…..ประชาธิปไตยย้อนแย้ง…….ทุนสามานย์ รัฐบาลเงา…..กระทั่ง DeepState จนถึง NewWorldOrder ………“สมมติ” ที่แปรเปลี่ยน ผลัดกันชมไปตามกาลเวลาเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป….เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามกฎของไตรลักษณ์ ทั้งสิ้น ———————– กราบนิมนต์พ่อท่าน พักเสียง จิบน้ำก่อนครับ —————————-พ่อครูว่า…หากพลเอกประยุทธ์ไม่เชื่อมั่นว่าประชาชนเลือกตัวเองเพียงพอก็คงจะไม่ทำอย่างนี้ อาตมาเพิ่งเห็นว่าพลเอกประยุทธ์มีความฉลาดเพียงพอ สมณะฟ้าไท…ที่เขาว่ารัฐบาลนี้เป็นเผด็จการเพราะว่าเขาไม่ได้สนใจในประโยชน์ของเขาส่วนคนที่ได้รับประโยชน์ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเผด็จการ พ่อครูว่า…อ่านต่อ…_แม้ในยุคเริ่มแรก มนุษย์เพียงดิ้นรนเสพกามหยาบๆ…..แต่วิวัฒนาการก้าวกระโดดของมนุษยชาตินี้เอง ได้ริเริ่มก่อเกิด “ภพ” บุกเบิกกระบวนการของ..ภวตัณหา ขึ้นในจิตมนุษย์(พ่อครูว่า…คำว่าภวตัณหาแตกต่างจากกามตัณหาและวิภวตัณหา ที่เขียนมานี้ไม่ได้ล้างกามตัณหาก่อน แต่ไปสร้างภวตัณหาก่อน ขออภัยอย่างมหาบัว จัดจ้านในเรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในศีล มหาบัวไม่ได้กามจัดเรื่องสัตว์ เรื่องลาภยศสรรเสริญแต่เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มหาบัวจัดจ้านโดยไม่รู้ตัว แต่ดีอยู่อย่างหนึ่ง เรื่องเพศหญิงชาย มหาบัวไม่มีข่าวคราว แต่เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสไม่ได้รู้เรื่องไม่ประสานเลย ที่แสดงออกก็คือเรื่องของการติดหมาก เหมือนเด็กไม่กี่ขวบแสดงออกมาแล้วก็ชวนให้คนเขาติด เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ลูกหาจึงติดกันเต็มไปหมดวัดในสายนั่งหลับตาของมหาบัว ก็ต้องขอขอบคุณและขออภัยจริงๆ อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเป็นสิ่งที่ดีที่อาตมาได้เอามายกตัวอย่างได้อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีของมหาบัว อาตมาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรก็ขอบคุณที่เป็นตัวอย่างทำความไม่ดีให้อาตมาได้ยกตัวอย่างนี้ทั้งชมทั้งติในตัว มหาบัวโกหกสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าเป็นสิ่งโกหก พระพุทธเจ้าบอกว่าผู้ที่โกหกในสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่จริงนั้นไม่มีความชั่วอะไรที่ตัวเองทำไม่ได้ ขออภัยไม่ได้เป็นการลงโทษนะแต่สงสารมหาบัว ที่อาตมาตำหนิติเตียนใครอยู่อาตมาสงสารไม่ว่าจะเป็นธัมมชโยหรือมหาบัวก็ตาม ก็คิดว่าเป็นหัวหน้าใหญ่คนอื่นก็คงจะมีปฏิภาณปัญญาเข้าใจ เพราะว่าขนาดหัวหน้าใหญ่ยังโดนตำหนิ แล้วตัวน้อยก็คงไม่เหลือที่แสดงบทบาทยังไม่ออกมาก็มี)_…..ส่งผลให้กามคุณจัดจ้าน พอกพูนอุปกิเลส แย่งชิงโลกธรรม เสพติดสมมติ ทับถมอาสวะ ฝังลึกเป็นอนุสัยในสันดาน… จากอบายภูมิ พัฒนาการรับรู้ สู่วิญญาณฐิติ แต่ไปหลงยึด“สุข-ทุกข์”ตามสัญชาตญาณ… เลยปลุกเร้าตัณหาให้สมสู่อุปาทานจนคุ้นชิน เกิดสัตตาวาส สะสม“ภพชาติ”…. พอกพูน“อวิชชา” ยิ่งๆขึ้นแก่ สัญชาตญาณ….. เป็น “เทวบุตรมาร” ทำร้ายทำลายโลก……….. มนุษย์ที่พูดคล่อง ล่อลวงโน้มน้าวได้เก่งกว่า จึงได้ปกครองในกาลต่อๆมา(พ่อครูว่า…1.เขาถูกสอนว่าเป็นคำสอนของพระเจ้า ห้ามสงสัย 2.รู้แต่ไม่ยอมเปิดเผย เพราะถ้าผิดก็ยกผิดให้พระเจ้า แต่ถ้าดีเป็นของฉัน สู่แดนธรรมว่า…เป็นความฉลาดของศาสดาที่ยกเอาอัตตาของตัวเองให้ผู้ทรงสูงส่งกว่า พ่อครูว่า…ตัวเองตีอัตตาไม่แตกก็เลยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น)_เมื่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น… การเผยแพร่พุทธศาสนา ช่วยขจัดอวิชชาให้หมดไปจากมนุษย์ได้ ก่อให้เกิดความสมดุลแก่โลกประมาณ ๒๕๐๐ ปี…. จากช่วง peak สูงสุดในสมัยพุทธกาล ลดต่ำลงเรื่อยมาจนเป็นกลองอานากะในปัจจุบัน……….. ภาระอันสาหัสสากรรจ์ต่อจากนี้ จึงตกแก่ พ่อครูสมณะโพธิรักษ์…. สยังอภิญญาผู้มากอบกู้พุทธศาสนา ให้สืบสานยาวนานต่อไปจนถึง ๕๐๐๐ ปี……..ด้วยวิชชาจรณะสัมปันโนของพระพุทธองค์ ที่ผ่านการจาระไนของพ่อท่าน ได้เปิดเผย ความใหญ่หลวงของการปฏิบัติ จรณะ๑๕ ที่สามารถเปลี่ยนสัญชาตญาณ ให้เป็น…………. วิจารณญาณ (วิ-จรณะ-ญาณ) อันประกอบด้วยญาณทั้ง๘ ที่จะช่วยวิเคราะห์วิจัยได้อย่างสัมมา ลงไปในรายละเอียดของ “สมมติ”… ใน “ความมี” จนรู้แจ้งได้ว่า ในสมมตินั้นๆ มันคือ “ความไม่มี” เพราะมันเป็นเพียงสมมติ …. มนุษย์ก็จะพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นใน “สมมติ” จนสิ้นอวิชชา เป็นสูญญตาได้ในที่สุด( การรับรู้ + วิจรณะญาณ = ฉฬายตนะ , ปัญญาโลกุตระ , พาวิมุติ ) ( การรับรู้ + สัญชาตญาณ = เฉโก , โลกียะ , พาชิบหาย ) ในยุคปัจจุบัน ที่มหันตภัย “โรค IO” ระบาดอย่างหนักไปทั่วทั้งโลก โดยมีพาหะชั้นดีอย่าง Social กระพือข่าว ที่ส่งผลยิ่งกว่าผีเสื้อทั้งโลกกระพือปีกพร้อมกัน……ผู้มี วิ-จรณะ-ญาณ ถูกตรงดีเยี่ยมเท่านั้น ที่จะหยั่งรู้เจตนาแอบแฝงที่แท้จริง และสามารถหลุดพ้นจาก “สมมติ” ทั้งปวง จนสลายธาตุเป็นปริโยสานไปได้………. ส่วนพวกอภิทุน ที่ติดยึดในสัญชาตญาณเดิม ยังกอบโกยไม่เสร็จ ยังทำร้ายมนุษย์-ทำลายโลกไม่พอ ก็ยังต้องเวียนว่ายเป็นทาสของ “ความมี กับ ความไม่มี” ต่อไป….แม้ในที่สุด ทุนนิยมจะต้องพังพินาศด้วยความสามานย์ของตัวเอง หรือ มหาพิบัติภัย ที่จะตามสนอง กรรมของมนุษย์ ผู้ย่ำยีธรรมชาติ จนต้องกลับไปอาศัยในถ้ำ เช่นดึกดำบรรพ์ก็ตาม……. วัฏฏะก็ยังคง เวียนวนไม่จบสิ้น..……พ่อครูว่า…ก็อ่านแล้วก็เข้าใจ ก็เอามาขยายความสู่กันฟัง ก็เป็นการสรุปความเข้าใจของผู้เขียน ก็มนุษย์วนเวียนเช่นนี้ โลกีย์สมบัติผลัดกันชม แต่เขาใช้คำว่าสมมุติที่แปรเปลี่ยนผลัดกันชม สู่แดนธรรมว่า…คนก็อาจว่าพ่อท่านพูดเดียรัจฉานกถาพ่อครูว่า..ก็เป็นเดรัจฉานกถาตามที่คุณเข้าใจ แต่คำว่า เดรัจฉานกถาหมายถึง พูดอะไรก็แล้วแต่ มันไม่พาไปสู่นิพพาน อันนั้นเป็นคำพูดที่เป็นเดรัจฉานกถา แต่อาตมาไม่ได้พูดเดรัจฉานกถาเลย กถาหรือคำพูดของอาตมาไม่ได้เป็นเดรัจฉานกถา แปลเป็นคำพูดไปสู่นิพพาน คุณเข้าใจไม่ได้ก็เลยนึกว่าอาตมาพูดเดรัจฉานกถาตามความคิดของคุณ อาตมาก็พอจะเข้าใจว่าคุณเข้าใจอย่างไร แต่จะครบหรือไม่ครบก็ตาม อาตมาขอบอกไปบ้างก็คือทำความเข้าใจเดรัจฉานกถาของคุณว่าหมายถึงพูดถึงเรื่องโลกๆ พูดถึงเรื่องน้ำเรื่องคนเรื่องความดีความชั่วเรื่องความเกิดความดับ พูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละในเรื่องของโลก คุณจะต้องพูดถึงนิพพานความว่าง นิพพานความว่างคุณติดอยู่ในพยัญชนะนั้นเท่านั้น คุณยังไปไหนไม่ออกจากพยัญชนะเหล่านั้น คุณเข้าใจไม่ได้ คำว่าเดรัจฉานกถาก็เข้าใจได้แต่พยัญชนะแต่อาตมาพูดนี่ นิพพานังปรมังวทัติ พุทธา อาตมาเป็นผู้รู้ เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรก็แล้วแต่มันพาไปหานิพพานทั้งหมด นิพพานังปรมังวทันติ พุทธา คำพูดที่อาตมาพูดนี้จะพูดอย่างไรก็พูดไปหานิพพานอย่างยิ่งไปเรื่อยๆ แต่คุณเข้าใจไม่ได้ คุณจะไปเข้าใจว่าเดรัจฉานกถาพูดอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น แล้วจะให้พูดอะไร(วะ) มันก็ต้องพูดเรื่องพวกนี้แต่เพียงสื่อให้ฟัง ว่าเป็นองค์ประกอบให้อาศัย แต่ต้องไปหาสูญหานิพพาน แต่หากไม่มีอะไรอาศัยก็จะเอาอะไรมาสื่อ คุณซื่อแต่อย่าเซ่อ ขณะนี้คุณกำลังเซ่อโดยไม่มีซื่อสู่แดนธรรมว่า…คุณคนนี้คำถามเขาก็เหมือนสบประมาทพ่อครูพ่อครูว่า…สรุปว่า ความรู้ของคุณกับความรู้ของอาตมามันยังไม่ลงกันคุณก็เข้าใจตามนั้นนะของคุณมันไม่ตรงกันเท่านั้น ความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมามันคนละอย่าง แต่อาตมาไม่ได้พูดว่าของอาตมาสูงกว่าคุณนะ มันคนละอย่างกัน ก็จบอันนี้ _SMS วันที่ 13 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ)_2860 พ.ค.ครับ มีพระภิกษุรูปหนึ่งที่เชี่ยวชาญพระสูตรได้เทศน์ว่า พระโพธิสัตว์ต้องมีลักษณะมหาบุรุษครบ 32 ประการ ประการหนึ่งคือมีองคชาติอันอยู่ในฝัก พ.ค.เป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ไม่ทราบว่าของพ.คเป็นอย่างที่ว่าไหมครับ / พระพูดเดรัจฉานกถาได้หรือครับ หรือว่าพูดได้แต่ต้องระมัดระวัง ฮิๆ!!พ.ค.พูดเรื่องอจินไตยได้หรือคร้บ พระพุทธเจ้าตรัสว่าใครคิดเรื่องอจินไตยจะบ้านะครับพ่อครูว่า…ล้วงความลับนะคนนี้ ก็ไขความให้คุณคนนี้ฟังบ้างพอสมควร ถ้าคุณโชคดีเข้าใจทันทีไรก็คงจะดีแต่อาตมาไม่คาดหวังขนาดนั้น คำว่า องคชาติ อยู่ในฝักหรือไม่ อาตมาก็ตอบตรงๆ องคชาติอาตมาอยู่ในฝักแน่นอนเรียบร้อย อาตมากำลังเอาอัมพัฏฐสูตร มีเหมือนกัน อาจารย์ของอัมพัฏฐะนี้ส่งเขาให้ไปดูว่า องคชาติของพระพุทธเจ้าอยู่ในฝักหรือไม่ถ้าเป็นจริงก็จะเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าเขาก็ต้องพยายามไปหาวิธีที่จะเห็นองคชาติของพระพุทธเจ้าให้ได้ ขออภัยที่ไม่ได้พูดลามกนะ สู่แดนธรรมว่า…อัมพัฏฐมานพก็ถามเลยพ่อครูว่า..ไม่ได้ถาม แต่พระพุทธเจ้าทำนิมิตหมายให้เขาเห็นเองไม่อย่างนั้นก็ไปเปิดให้ดูได้อย่างไรธรรมดามันก็เป็นมารยาทจะไปเปิดเล่นๆได้อย่างไร ก็ได้นำไปบอกอาจารย์ต่อมาว่าพระพูดเดรัจฉานกถาหรือไม่มาก็อธิบายไปแล้วว่าไม่ได้พูดเดรัจฉานกถา แต่คุณต่างหากเข้าใจเดรัจฉานกถาคนละอย่างกับอาตมา อาตมาไม่ได้พูดเดรัจฉานกถาพูดอย่าง นิพพานังปรมังวทันติพุทธา อาตมาพูดคำใดก็พาไปสู่นิพพานอย่างยิ่ง อาตมาเป็นผู้พูดคำใดมันก็พาไปสู่นิพพานอย่างยิ่งทั้งนั้น แต่คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจแล้วไม่เข้าใจแม้แต่คำว่าเดรัจฉานกถา อาตมาไม่ได้พูดคำว่าเดรัจฉานกถาเลย สู่แดนธรรมว่า…สำนักคนนี้เป็นคนสำนักของคุณยายสุจินต์ เขาเพ่งเล็งว่า คนพูดเดรัจฉานกถาพ่อครูว่า..สำนักนี้คณะนี้ก็เป็นผู้ที่เอาแต่ภาษาทั้งนั้นเลย เรื่องอจินไตย อาตมาไม่ได้คิดเรื่องอจินไตย อาตมามีฐานะ ที่จะมีวิสัยเข้าถึงอจินไตยอันนั้นๆ เช่น ฌานวิสัย อาตมาก็มีความจริง ความรู้ของฌาน กรรมวิบาก อาตมาก็มีความรู้ความจริงนั้น อาตมาไม่สามารถล่วงรู้ไปถึงพุทธวิสัย อจินไตยที่อาตมารู้ก็เท่าที่มีบารมีในพุทธวิสัย ฌานวิสัยอาตมาก็มีความจริงมาพูด จนสรุปได้ว่าฌานหลับตาเป็นของฤาษี ส่วนฌานของพระพุทธเจ้าเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 เกิดจากการปฏิบัติศีล แล้วมีอปัณกปฏิปทา 3 เกิดสัทธรรม 7 ทำให้เกิดฌาน 1 2 3 4 ไปตามลำดับ เหตุปัจจุัยเกิดฌานเกิดจาก ปฏิบัติศีล แล้วมีอปัณกปฏิปทา 3 ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาไม่รู้เรื่องโภชเนมัตตัญญุตา ไม่ตื่นทางกายกรรมวจีกรรมแต่จะเอาแต่มโนกรรมก็สอบตกกันทั้งนั้น ทำเป็นเอาตื่นในหลับ แต่ของของพระพุทธเจ้าต้องตื่นอยู่ในตื่นแม้แต่การสำรวมจิต ไม่ได้สำรวมเป็นการกดข่มทั้งนั้น นิ่งไปจนกระทั่งไม่รู้เรื่องเลย ถ้าอยากรู้อะไรก็จงพยายามออกมาจากฌานลึกนั้นมาสู่ฌานที่ตื้นกว่านั้น ฌาน 4 ของคุณไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลยต้องใช้ที่ฌาน 1ขอถามพวกคุณ ขณะนี้อาตมาใช้ ฌาน 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 อาตมาใช้ ฌาน 1 เป็นเอก แต่ใช้ทั้ง 4 แต่ตอนนี้ใช้ ฌาน 1 มาก วิตกวิจารเก่ง ดำริเก่ง จึงปรุงแต่ง ที่แรง เสร็จแล้วฌาน 2 ก็ปรุงแต่งลดลง มีปีติ เหลือสุข เอกัคคตา ฌาน 3 ก็ปีติลดน้อยลง ขณะนี้อาตมามีปีติเลี้ยงด้วยนะ ปีติ อาตมาใช้เลี้ยงตอนนี้มีอุพเพงคาปีติ แต่อาตมาไม่ได้ติด แต่อาศัยอุพเพงคาปีติ แต่ไม่ใช้อุพเพงคาปีติ ถึงกระโดดโลดเต้น ก็ใช้พอสมควร อยู่ในสัดส่วนปโหติ พอเหมาะ เขาว่าหากใครคิดอจินไตยจะบ้า แต่อาตมาไม่ได้คิด อาตมามีจริงของอาตมา อาตมามีฌานวิสัย พุทธวิสัยอาตมามีอยู่บ้างแต่ไม่ครบ คำว่า วิสัย มันสูงขนาดไหน? คำว่าอาศัย นิสัย วิสัย อนุสัย 4 คำนี้สย คือตัวตน ใช้พยัญชนะ ส กับ ย ตัว ย คือเศษวรรคตัวต้นเลย พลังงานตัวนี้จะถอนเมื่อไหร่ก็หมดเมื่อนั้น ส คือ พลังงานเศษวรรค ออกมาพ้น cyclic order ตัวที่ 3 ออกมาเป็น 4 5 ย ร ล ว ส ตัว ส เป็นพลังงานตัวที่5 เป็นตัวกึ่งกลางของพลังงานสูงสุด สูงสุดคือ 9 ตัว 5 เป็นพลังงานครึ่งของ 9 ที่ใช้งานส เป็น dynamic ส่วน ย เป็น static _แอ ตอน : คนลาวถามข้อยกินแต่ผัก เอาแฮงมาแต่ใส ไม่รู้จักมังสวิรัด_ประดับ คนเปลี่ยนโลก : กราบนมัสการพ่อครูครับ… วันนี้เพิ่งเข้ามาดูครับ… วันนี้เลขสวย มียอดคนดูทางยูทูปณ.ขณะนี้116รายครับ._SMS วันที่ 14 มี.ค. 2563 (พุทธศาสนาตามภูมิ ภาคทบทวน)_Goog Kanjanapak กุ๊ก กาญจนพักตร์ : สายธรรมขาดไป ตั้งแต่อนาคามี ท่านเชื่อมต่อสายธรรมจากที่ไหนกัน เชื่อมต่อด้วยวิธีไหน._บุญทิพย์ แสงสุริยะ : สายโพธิรักษ์ไช่ป่ะครับ_นางเสมียน เปลี่ยนนาม : วกไปวนมาค่ะ เอาคำสอนเน้นๆหน่อยคะ จะพึ่งแต่พ่อครู ถ้าพ่อครูตายไปใครจะสอน ถามนะคะส.ฟ้าไท สรุปจบ Category: ศาสนาBy SamanasandinTags: พุทธศาสนาตามภูมิวิถีอาริยธรรมAuthor: Samanasandin http://www.boonniyom.netPost navigationPreviousPrevious post:630313_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ สมาธิพุทธและสัญญา 10 สองสูตรNextNext post:๕๑๐ (๕๓๒) นสพ.ข่าวอโศกรวมปักษ์ ก.พ. ๒๕๖๓Related Posts640307_วิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ เป็นคนจนแบบเป็นไท จึงมีประชาธิปไตยดีสุด640305_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิจจสมุปบาทสลายอวิชชาให้สิ้นอาสวะอนุสัย 640303_พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่640301_รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 29640226_พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์640225_พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 45 ออนไลน์