เมื่อวันพุธที่ 30 มกราคม 2562 ประมาณ9.15 น. ชมรมคนรักษ์อุบลประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคม สำรวจออกแบบและจัดสรรงบประมาณ ได้รับการประสานงานจากหัวหน้าวิศวกร กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม คุณชัยโรจน์ คง บรรณ จากกทม.พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ มาสำรวจออกแบบและประมาณการเบื้องต้น ที่ริมฝั่งแม่น้ำมูนบริเวณราชธานี และวัดหลวง เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี โดยมีคุณพิชิต –คุณร้อยร่มบุญ ชนะกุล คุณหนึ่งฟ้า นาวาบุญนิยมและรศ.ประจักษ์ บุญอารีย์ นักประวัติศาสตร์พาตะเวนดูจุดต่างๆในบริเวณพื้นที่ท่าเทียบเรือของราชอโศกค่ะ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้า เมื่อได้มาสัมผัสครั้งแรกต่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เช่น เรือเอื้ยมจุ้น แนวคลองลดเลี้ยว เฮือนเรือ บ้านในชุมชน อาคารบวร น้ำตกผาแหงน ฯลฯ การมาสำรวจพื้นที่ในเบื้องต้นก็จะเริ่มในราชธานีอโศก – วัดหลวง- วัดสุปัฎนารามวรวิหาร ค่ะ
ประวัติที่มา
จากนโยบายของกลุ่มชมรมคนรักษ์อุบล ได้สนองนโยบายสานต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งระดับหมู่บ้านสู่การขยายผลต่อเขตภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อส่งเสริมการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางอารยธรรมอู่ลุ่มแม่น้ำมูน–ราชธานีอโศก จากคำบอกกล่าวที่เล่าขานสืบต่อกันมายาวนานว่า ด้วยประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ ปี 2552 ทำไมน้ำท่วมราชธานีอโศก และประวัติพ่อครูสมณะโพธิรักษ์เป็นมาอย่างไร ทำให้เข้าใจในประวัติศาสตร์ว่าพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ เคยเป็นทายาทของท้าวคำผง ครอบครัวเชียงรุ้ง–แสนหวี อพยพไปอยู่ลาวแล้วมาหาท่ีเก็บพระพุทธรูปประจำเมืองไว้ 2 รูป ช่วงนั้นมาสถานที่ กุดระงุม ได้รับมอบที่ดินจากตระกูลอาหนึ่งฟ้า นาวาบุญนิยม จำนวน 100 กว่าไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ ต่ำ เป็นแอ่ง น้ำมาท่วมทุกปีในระยะนั้นๆ(เมื่อปี 2557)เป็นความหมายว่า ขุด แล้ว งุม ซึ่งจะนำพระพุทธรูป สีขาวนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดหลวงส่วน พระพุทธรูปสีเหลืองก็จะนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดอุบลศรีรัตนราม
ที่หมู่บ้านราชธานีอโศกอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำมูนซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดปี คือที่ตั้งของหมู่บ้านราชธานีอโศกหมูบ้านชาวพุทธเล็กๆที่ทวนแสสังคมทุกคนในชุมชนปฏิบัติศีล 5 เป็นอย่างต่ำใช้ชีวิตเรียบง่ายมักน้อยสันโดษทานมังสวิรัติลดละอบาายมุขเป็นกลุ่มพุทธบริษัทที่ยืนหยัดยืนยันความเป็นไปได้ของการอยู่ร่วมกันโดยมีรากฐานมาจากความคิดความเชื่อในพุทธศาสนาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด มาตลอดระยะเวลากว่า 48 ปีแล้ว
หมู่บ้านราชธานีอโศกได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยให้เป็นหมู่บ้าน เมือวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2539มีเนื้อที่ 600กว่าไร่จำนวนบ้าน158 หลังคาเรือนมีประชากรกว่า400คนในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านคนยากจนอันดับที่5ของจ.อุบลราชธานี
หมู่บ้านราชธานีอโศกจะประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนเกือบทุกปี เนื่องจากภูมิประเทศเป็นที่ตำ่เหมือนแอ่งกระทะและระดับพื้นดินของหมู่บ้านต่ำกว่าพื้นดินของหมู่บ้านใกล้เคียงถึง 11 เมตรแต่คนหมู่บ้านนี้ก็ไม่ยอมแพ้และได้ปรับตัวให้สอดคล้องกับวิกฤตที่เกิดขึ้นไหนๆน้ำก็ท่วมทุกปีพวกเราจึงได้สร้างชุมชนให้เป็นเมืองเรือ และเรียกให้เป็นอีกชื่อหนึ่งว่า”บ้านราชเมืองเรือ”
หมู่บ้านของเรายากจนเพราะสมาชิกของชุมชนต่างทำงานฟรีโดยไม่มีรายได้หรือค่าตอบแทนใดๆและเนื่องจากเราต้องเจอกับสภาพน้ำท่วมอยู่ทุกๆปีคนที่นี่จึงไม่สะสมของสมบัติส่วนตัวไว้มากนักและในขณะเดียวกันก็พยายามช่วยเหลือแจกจ่ายให้ผู้อื่นให้มากที่สุด เพราะในยากวิกฤติสมบัติมากมายช่วยอะไรเราไม่ได้นอกจากมิตรภาพที่เราได้สร้างเอาไว้กับเพื่อนบ้านของเรา
คุณไพโรจน์ คงบรรณ (เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า กองวิศวกรรม ของกระทรวงคมนาคม กรุงเทพฯ) : เห็นสภาพพื้นที่แล้ว มองว่าที่นี่มีศักยภาพที่ค่อนข้างพร้อม ทั้งนี้ต้องดูเอกสารระบุ ขอบเขต พื้นที่จะสร้าง เพื่อดูว่าผู้รับผิดชอบพื้นที่ เช่น ทางชุมชนวัดหลวงเอง ทางชุมชนชาวราชธานีอโศก ต้องมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบ เราก็ต้องทำหนังสือจากกรมมาอีกครั้งหนึ่ง วันนี้เรามีช่างมาดูข้อมูลพื้นฐาน แล้วกลับไปก็จะปรึกษาหารือกัน แล้วทำหนังสือกลับมาที่อุบลราชธานี ก็จะอยู่ในงบประมาณปี 2564 แล้วกรมคมนาคมก็ต้องกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรวจสภาพพื้นที่จริงอีกเพื่อประกอบการก่อสร้างต่อไป










































